- formatting
- images
- links
- math
- code
- blockquotes
- external-services
•
•
•
•
•
•
-
มหาวาตภัยแหลมตะลุมพุก - ฝันร้ายที่ไม่เคยเลือนหาย
25 ตุลา ครบรอบวาตภัยแหลมตะลุมพุกไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ชวนให้ระลึกถึงเท่าไหร่
ถ้ามันไม่ได้เป็นความสูญเสียที่เหมือนกากบาทในใจ
.
มันเป็นวันที่ไม่เคยเลือนหายไปจากใจก๋งเลย
แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านไปหลาย 10 ปี
กับอายุของเจ้าตัวที่ร่วม 80 ปี
.
วันนั้นในอดีตก๋งในวัยสิบกว่ากับครอบครัวคนจีนอพยพ
มีธุรกิจขนาดเล็กที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง
โดยมีอาเหล่ากงเป็นเสาหลักเพียงคนเดียว
.
พายุในชั่วข้ามคืน...
พัดเอาทุกอย่างไป...
รวมทั้งชีวิตของอาเหลากงด้วย
.
มันคือความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ในชีวิตของผู้ชายนักสู้คนหนึ่ง
.
ก๋งเริ่มต้นนับ 1 ด้วยตัวเองอีกครั้ง
กับงานหนักก็เอา เบาก็สู้
งานรับจ้างนานาชนิดผ่านมือมานับไม่ถ้วน
ซากรถจักรยานยนต์เก่าๆในบ้าน
ที่เคยถูกใช้เป็นรถเครื่องรับจ้าง
รวมถึงรถยนต์เก่าๆใช้งานไม่ได้คันนึง
คือเครื่องหมายของการสู้ชีวิต
ที่ก๋งกับอาม่าร่วมกันสร้าง
.
ในวันที่รุ่นหลานอย่างเราเกิดมา
ทุกอย่างเหมือนเป็นเพียงแค่ตำนานเล่าขาน
ที่ซ่อนเสียงความภาคภูมิใจในความพยายาม
แต่ก็เจือเสียงของความเศร้า
ที่ทั้งรุ่นลูกและรุ่นหลานก็สัมผัสได้
.
เรื่องเล่าในอดีตมักจะจบลงแบบขาดตอน
เมื่อพูดถึงวาตภัยเเห่งความสูญเสียครั้งนั้นเสมอเหตุการณ์ในหมู่บ้านเล็กๆ นี่
#ตะลุมพุก #นครศรีธรรมราชเขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2562 -
💻 I started coding just because my finger pained
I had to analyze data from 96- or 384-well plates — each exported as a CSV file with thousands of rows.Sounds familiar? Yes! 96 or 384 wells — the well plates from the wet lab.My data came from 2D cell culture imaging, where I had to analyze single-cell information.I opened each file, searched for specific values, and repeated the same thing again and again.What I faced were:- Finger pain 😂- Human weakness → human error after half a day of doing this- Forgetting to save → all work gone- Changing cut-offs → meant redoing everything from the start (and you know how often supervisors change them!)I realized all of this was just repetition. I knew every step — I just had to do it again for every well (or many plates).So I told my supervisor I wanted to use coding/programming to automate it.His answer? No. He wanted me to do it manually — “by eyes” — to get results faster.But I believed I could do more. So I decided to learn coding (R) secretly.I didn’t tell him — I just kept maintaining all the usual lab work, while learning programming on my own.It wasn’t easy. It took months of effort, but I had a goal:to make my research more efficient and reproducible.After some fast and furious learning, I wrote my own code, fixed bugs, and validated that it worked the same as manual analysis.The result? No human error, finished in a minute, and I could change the cut-off anytime by typing a new number. Beautiful!I finally applied it to other experiments too.My supervisor was impressed — finally! 😆A hidden benefit of programming is that it does what you already do — just faster and more accurately.If you’re curious how coding can help you, start by asking:💡 “Which task repeats until my fingers hurt?”If you can answer that, you already have your first step into coding.🧬 Here’s my project about this: Phenomics – High-Throughput Imaging (https://lnkd.in/gX5nKNRp)=============Build a greater science together with me! Here is my blogs🌸 Thai language: NO CANCER FB page/Blogger (https://lnkd.in/gQa3apBc)🧬 English language: The Whispers of Biology (LinkedIn/Blogger) (https://lnkd.in/gRTnrpRz)#ScienceCommunication #Bioinformatics #ComputationalBiology #Rprogramming #LabAutomation #WomenInSTEM #NoCancerThailand #TheWhispersOfBiology -
ที่ใดมีชีวิต ที่นั่นมีความหวัง
"อมตะ ฆ่าไม่ตาย เป็นคำที่สอดคล้องกับชีวิตอย่างไม่น่าประหลาดใจนัก ในวงการวิทยาศาสตร์พลานาเรียซึ่งเป็นหนอนตัวแบนชนิดหนึ่ง ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นอมตะ ยิ่งหั่นพลานาเรียเป็นชิ้นจำนวนมากเท่าไหร่ ก็คือการให้กำเนิดพลานาเรียตัวใหม่มากขึ้นเท่านั้น.เรื่องแบบนี้ช่างกลับกันกับคนเราอย่างสิ้นเชิงเพราะยิ่งเจอเรื่องที่ทำให้เจ็บช้ำเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้กำลังใจทดถอย เมื่อไม่มีกำลังใจเสียแล้ว คนเราก็คงสู้ต่อไปไม่ได้.ในโลกที่แสนวุ่นวายและเร่งรีบ ปัญหาที่ยังปราณีอยู่บ้าง ก็ยังค่อย ๆ ทยอยกันเข้ามา แต่บางปัญหาก็ไม่ได้สนใจใยดีต่อสภาพจิตใจเราเท่าใดนัก ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ที่พร้อมจะทำให้ทุกอย่างที่คาดหวังพังราบเป็นหน้ากลอง มันเป็นความโชคร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ยิ่งโรคที่ต่อให้จะรักษาสุขภาพดีพร้อมขนาดไหนก็มิวายจะเกิดขึ้น เกินกว่าที่จะคาดเดา ความเจ็บป่วยนั้นจึงราวกับคำสาป.เส้นทางของการรักษาที่ยาวไกล มีเพียงหมอและคนไข้เท่านั้นที่เดินด้วยกันไปตลอดทาง เทียนที่เปร่งแสงสีเหลืองนวลสุกใส ด้วยความมุ่งมั่นในการรักษาและจรรยาญาบรรณแห่งวิชาชีพถูกถืออย่างมั่นคงในมือของหมอเจ้าของไข้ นั่นเป็นเพียงแสงเดียวในอุโมงค์ที่มืดสนิท ไม่มีแม้แสงและเสียงอื่นใดจะเล็ดลอดออกมาได้ ความหนาวเย็นที่ซาบลึกลงถึงกระดูก ความหดหู่นั้นยากเกินกว่าที่จะเล่าขาดต่อให้ใครต่อใครฟัง.คนไข้ได้แต่กัดฟันเพื่อข่มความกลัวไว้ เฝ้ามองแสงเทียนนั้นและค่อย ๆ คืบคลานตามแสงเทียนแห่งความหวังไปอย่างเนิบช้า โดยที่ไม่รู้เลยว่าระหว่างทางจะพบอุปสรรคใด และกระนั้นเองก็อย่าได้แม้แต่เอ่ยถามว่าการเดินทางครั้งนั้นจะไปถึงจุดหมายหรือจบลงเช่นใด.แต่หากคนไข้ผู้นั้นได้เหลียวมองข้างกาย ก็จะพบเพื่อร่วมโรคที่บ้างก็ใจหดหู่ บ้างก็ยิ้มแย้ม บ้างก็เล่าขานว่ารู้จักคนที่เดินตามแสงแห่งเทียนนี้ไปจนสุดอุโมงค์ของการรักษาด้วยความแกล้วกล้า.คนไข้ที่เดินตามเเสงเทียนเริ่มบทสนทนาที่ปลุกไฟของความหวังที่ริบรี่ ของกันและกันขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเกริ่นนำถึงความเจ็บปวดทรมานจากเส้นทางของโรคภัย ต่างคนจากต่างพื้นเพ ต่างชนิดโรค และต่างความรุนแรง ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นเลยสำหรับการแข่งขันว่าผู้ใดป่วยได้หนักหนาที่สุด การเปรียบเทียบมีเพียงคนไข้คนนั้นกำลังสู้หรือได้จากโลกนี้ไปแล้วเท่านั้น.ในวันที่ท้อจนแทบไม่เหลือความหวังใดใด วันที่ถูกหลายต่อหลายคนตีตราเพียงเพราะความเจ็บป่วยที่ราวกับถูกสาป ต้องเจอคำถามที่บ่งบอกถึงความกังขาระหว่างความสามารถในการทำงานกับสุขภาพที่ดูจะแย่ลง แม้จะเก่งกาจสักเพียงใด หากสุขภาพไม่ดีแล้วไซร้ ก็คงมิอาจเดินตามความมุ่งมาดปรารถนาที่มีต่อไปได้.คืนและวันที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า สิ่งที่ทำได้มีเพียงอดทนรอและเดินตามแสงเทียนของหมอเจ้าของไข้ ท่ามกลางเสียงให้กำลังใจจากคนจำนวนน้อยนิด แต่กลับดังกังวาลในหัวใจยิ่งนัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ช่วงเวลาที่โหดร้ายนี้จะต้องผ่านไปในท้ายที่สุด.แท้จริงแล้วมนุษย์เราก็ยังคงมีสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างพลานาเรีย ด้วยสัญชาตญาณที่สืบทอดมาถึงมนุษย์และฝังรากลึกในระดับพันธุกรรมก็คือ"สัญชาตญาณของการฮึดสู้"ไม่ว่าการต่อสู้จะยังผลให้ชีวิตที่เหลือรอดมานั้นเป็นแบบใดก็ตาม.อย่างไรเสีย ชีวิตที่ยืนยาวเป็นนิจนิรันดร์ก็ไม่อาจเป็นชีวิตที่ชวนให้ปรารถนาได้ด้วยเวลาซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่านั้นไม่ได้มีความหมายต่อชีวิตที่เป็นนิรันดร์อีกต่อไป.เพราะเหตุนี้ความหมายของชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งใดเลยเว้นเสียแต่ความคาดหวังของเจ้าของชีวิตเท่านั้น."ชีวิตจะมีความหวังได้หรือไม่นั้นก็ย่อมขึ้นอยู่กับความคาดหวังในใจของเจ้าของชีวิต""=================
ดัดแปลงบางส่วนจากที่เนื้อความที่ส่งประกวดวรรณกรรม “วรรณศิลป์อุชเชนีปี 2562”แต่เขียนด้วยเวลาสั้นที่สุดข้อมูลที่เป็นโครงหลักไม่ได้เกิดจากการอ่านเหมือนงานอื่นๆแต่เกิดจากการผ่านช่วงเวลาที่ไม่รู้ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อถ้าชีวิตไม่เหลือความหวังอะไรอีกต่อไปงานชิ้นนี้ก็จะไม่ถูกเขียนขึ้น.แค่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ได้เขียนงานนี้(แม้จะไม่ได้รางวัลการประกวดก็เถอะ 55)แบบดีใจกับสิ่งที่ตัวเองได้อดทนผ่านมาและได้แต่ขอบคุณหลายๆคนที่ยังอยู่ข้างๆในวันที่ไม่เหลืออะไรให้เสียโดยเฉพาะครอบครัว หมอ อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้มีพระคุณที่แทบจะเรียกว่าให้ชีวิตก็ว่าได้.Ref แรงบันดาลใจในการเขียน:1. เรื่องราวของพลานาเรีย ได้ไอเดีจาก อ.นำชัย แล้วก็เจอบทความนี้ Prospectively Isolated Tetraspanin+ Neoblasts Are Adult Pluripotent Stem Cells Underlying Planaria Regeneration2. A Brief History of Stephen Hawking เขียนโดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ3. ช่วงชีวิตที่ป่วยด้วยหอบหืดขั้นรุนแรง จนชีวิตเละเทะ ดรอปเรียนไปนอนงับลมกว่าครึ่งปี.Credit ภาพ: เป็น 2 สถานที่ที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง มารวมในภาพเดียว ภาพนึงคือมูลนิธิจุฬาภรณ์ และอีกภาพคือศิริราชเขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2019
-
หมอทางเดินอาหาร ที่ซดแบคทีเรียจนได้รางวัลโนเบล
คนนี้อ่ะเป็นหมอทางเดินอาหาร ที่ซดแบคทีเรียจนได้รางวัลโนเบล
ศาสตราจารย์ แบร์รี เจ. มาร์แชล (Barry J. Marshall)
คือคนพบ H. Pyroli แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร โดยการพิสูจน์คือกินเองจ้าาา สุดดดดด กินเสร็จปวดท้องรุนแรงเลย กินเองรักษาเองเสร็จสรรพ
การค้นพบนี้มันเปลี่ยนโลก นี่คือที่มาของ triple therapy ที่รักษากระเพาะอาหาร คือยาฆ่าเชื้อ + พวกลดกรด
แต่ก่อนมีแต่ลดกรด ก็รักษากันไม่หายไม่จบไม่สิ้น พอมาเจอว่าเพราะเชื้อแบคทีเรียเป็นต้นเหตุได้ด้วย
ก็ฟาดทีเดียว สาดยาฆ่าเชื้อให้สิ้นซาก
หายกันไปเลยยยยจ้าาา
ขอบคุณภาพจาก Nobel Prize
#โรคกระเพาะ
#เชื้อเอชไพโลไร
#หมอกินเชื้อพิสูจน์เอง
#โนเบลไพรซ์
#TripleTherapy
#ยาฆ่าเชื้อบวกยาลดกรด
#NoCancerThailand -
ป เอก และงานวิจัยของแก ทำไมมันดูยากและทำเพื่อมวลมนุษยชาติขนาดนี้วะ
"ป เอก และงานวิจัยของแก ทำไมมันดูยากและทำเพื่อมวลมนุษยชาติขนาดนี้วะ".
นั่นหล่ะบทสนทนาของฉัน
ว่าด้วยเรื่องงานวิจัยยานแม่มะเร็ง
ที่เล่าให้พี่คนนึงในกลุ่มคนไข้บ้าพลังฟัง
ขณะที่เรากำลังตระเวนหาอาหารย่านวังหลังกินกัน
.
งานวิจัยที่ผลออกมาอย่างที่ทำให้ใจเต้นรัวทุกครั้ง
ก็รู้สึกว่าตัวเองอินกับงานวิจัยชิ้นนี้เอามากเหมือนกัน
ตอนแรกก็คิดว่าคงเพราะเห็นพี่ๆคนไข้มะเร็ง
ตั้งความหวังกับงานวิจัยว่าจะช่วยให้ชีวิตคนไข้ดีขึ้น
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เพียงแค่นั้นหน่ะสิ
.
จากประโยคกึ่งคำถามของขุ่นเจ้
ทำให้เราตอบกลับไปว่า
งานวิจัยที่ดูซับซ้อนทำอะไรเยอะเเยะนั่น
มันเกิดขึ้นจากงานที่ต่อยอดมาจากงานของคนอื่น
.
เหมือนเรากำลังเก็บสะสมความรู้จากสิ่งที่คนอื่นเจอมาก่อน (literature review)
เรากำลังก้าวขึ้นบันไดความรู้ที่สร้างไว้โดยคนก่อนหน้า
มาสร้างองค์ความรู้ใหม่ขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อยของตัวเอง
และวงการวิทยาศาสตร์นี้เองก็ยังมีวัฒนธรรม
ที่จะเรียกว่าบังคับก็ว่าได้
นั่นคือความรู้ที่เราสร้างก็จะเป็นบันไดขั้นนึงให้คนอื่นก้าวต่อไปเช่นกัน
โดยสิ่งที่ได้ตอบแทนซึ่งเปรียบเสมือนคำขอบคุณก็คือ citation
.
นั่นคือความน่าหลงใหลของวิทยาศาสตร์
การสร้างสิ่งใหม่ไม่รู้จบ
การมุ่งหวังให้เกิดสิ่งต่อยอดโดยไม่หวงแหน
การยึดหลักของเหตุและผล รวมถึงหลักฐานเชิงประจักษ์
และการกล่าวขอบคุณในองค์ความรู้ใดใดที่ได้รับมา
ไม่ว่าจะเป็นการสอนสั่งหรือคำแนะนำจากรุ่นพี่ อาจารย์ คนแปลกหน้า (reviewer) หรือกระทั่งบทความของใครก็ไม่รู้(references)
.
ไม่มีอะไรน่าเหนียมอายที่ผู้อาวุโสจะบอกว่าไม่รู้
และไม่มีอะไรเสียหายถ้าเด็กน้อยจะยกมือตอบ
.
ดูๆไปวิทยาศาสตร์นี่ก็แสนจะศิวิไล
หากจะไม่หลงใหล คงจะใจเหน็บ ใจชาเสียเต็มที
.
วิทยาศาสตร์อันดีงามในอุดมคติ
ทำให้เราหลงลืมไปอย่างสนิทใจว่า
.
ศาสตร์ที่สวยงามเช่นนี้
ถูกสร้างมาและสานต่อด้วยความคิดความอ่านของมนุษย์
.
มนุษย์ที่ยังมีความโลภ โกรธ หลง กล่าวร้ายนินทา
อิจฉาริษยา หรือกระทั่งสรรเสริญเยินยอ
หากแม้นมิอยู่ในใจส่วนลึก
ก็คงอยู่ในใจส่วนตื้น
เพียงแต่จะสักกี่มากน้อย ก็สุดแท้แต่ตัวคน
.
วิทยาศาสตร์นอกหนังสือเรียน
จึงเสมือนสิ่งที่คละเคล้าไปด้วย
กลิ่นอายและนิสัยใจคอของมนุษย์
อย่างแยกกันไม่ขาด
.
การมี community เล็กๆ
มีเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องและอาจารย์
ที่ช่วยสนับสนุนผลักดันกันและกันให้ไปข้างหน้าได้อย่างสนิทใจ
ยินดีในความสำเร็จของทุกคนเหมือนช่วยกันสร้างขึ้นมา
บางครั้งเกิดขึ้นในรูปแบบปรึกษาส่วนตัว
บางครั้งเป็นงานประชุมหามรุ่งหามค่ำหลายวันติดกัน
บางครั้งเป็น group discussion เล็กๆลับๆ
หรือบางทีก็ชวนกันไปเดินเล่น บ่นๆในสวนลับ
ก็ช่วงที่ชีวิตชุ่มชื่น กระชุ่มกระชวย
.
แต่หากที่ใดมีวิทยาศาสตร์ที่แท้ให้ได้ลิ้มชิมรส
ก็อยากจะลองชิมดูสักครั้ง
คงจะได้ดีดตัวออกจากที่นอนแบบสดชื่นทุกวัน
และรสที่ได้ลิ้ม กลิ่นที่ใดยลนั้น
คงจะติดใจมิรู้เลือน
#namthipphdstory #NoCancer #NoCancerTH
=============
โพสต์เมื่อ 4 ปีก่อน
กลับมาอ่านแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเขียนสวย
AI จะเลียนแบบก็คงยาก
.
เวลาผ่านไปตอนนี้รู้สึกสนุกสนานกับการได้ลอง mentoring ใครก็ไม่รู้ที่ติดต่อหลังไมค์เข้ามากันเอง
โลก online แบบ international มีอะไรสนุกๆให้ลองทำเยอะเลย
.
เวลาผ่านไปวิทยาศาสตร์ยังสวยงามเหมือนเดิม
เพิ่มเติมคือรู้มุมไม่ดีๆของวงการเยอะขึ้น
ศรัทธาในตัวคนน้อยลง
จนยังเหลือศรัทธานั้นสักแค่ไหน...ก็กะไม่ถูกเหมือนกัน




