- formatting
- images
- links
- math
- code
- blockquotes
- external-services
•
•
•
•
•
•
-
The Conference To End All Conferences: "Woodstock.Bio2 + Night Science"
The most ridiculous, wild, and awesome academic conference ever! 🤪😂 LOL
Just look at the hashtag they used: #TheConferenceToEndAllConferences 💥. "The conference to end all conferences" - how cool is that?! 🤩 (You should also check out the other hashtag on X/BlueSky: #TCTeAC). The real name of the event is Woodstock.Bio2 + Night Science
I was following Prof. Rechavi and Prof. Yanai's X accounts, and the hashtag says "conference," but the pictures… people on stage playing guitars? 🎸 Is this a concert or what? 🤯 They were even putting up posters in the middle of the forest! 🌲 It's just so damn cool. 😎
💥 The Presentation Theme 💥
Each speaker had to present their work in 5 minutes using only one slide. ⏱️ The speakers were chosen randomly, and they all got to walk on stage to an intro song of their choice LOL. 🎶 They even made a Spotify playlist of all the songs! 🎧 Seriously, so extra.
If I'd been there, I would've used the Doraemon intro song, hahaha. 🤖
And the presentations themselves? Some were in the form of poetry or rhyming verses. ✍️ Some had a ukulele soundtrack. 🎸 One person told their research as a bedtime story, and someone else was literally sprawled out on the floor in front of the podium during the talk LOL. 🤣
And remember how I said professors were there? One of them was Prof. Yanai, one of the heads of this whole thing, and he's a legend. He had volunteers stand on stage to act as "genes" and wave their arms to show when the gene was turned "on" or "off." 🧬 This is so freaking cool. From a biologist's perspective, you might think, "Well, we already understand that," but just imagine the look on a physicist's face! 😮 The point was to make sure everyone understood. 💡
👉 I love what Illouz-Eliaz said:
"Making fun of ourselves or being silly makes for a more open atmosphere at the meeting, a place where we can be ourselves and show our vulnerability." 💖
👉 And what Prof. Yanai said:
"Of course we need rigorous and reproducible science, but we also acknowledge the other side of the process: 'Let’s find inspiration to create new ideas and make connections.'" ✨
"What happens if just giving a lecture on a completely different topic gives you a new idea?" 🧠
This is all about 🌜 Night Science (a term that originated with François Jacob, a 1965 Nobel laureate in medicine). Night Science is the free-form, unstructured thought process that leads to 🌞 Day Science—the work we actually do, the hypotheses we test in a beautiful, step-by-step manner. 📝😝 And the closing ceremony was just as epic! They went on a scavenger hunt for Darwin's papers! 🏃♀️🏃
The conference ended with a poster session in the woods, games, music, debates, and even a trail run with that scavenger hunt. 🏞️ OMG!! 😲
Each person had a map and had to find four pages from different science books placed along the trail (one of the books was Darwin's On the Origin of Species). 📜 It's so intense that even the items you have to hunt for are pages from science books! 🤓Actually, scientists have been trying to work together like this for a while. In the era when everyone was focused on oncogenes, there was a specific conference just for oncogene researchers starting in 1985. The posters were hilarious every single year! 🤣 This is just a sample of some of the posters.
A big thanks to Prof. Joan Brugge for sharing this story at the "Cancer genetics: History and consequences" meeting. If you want to read more, check out "A not so brief history of the Oncogene Meeting and its Cartoons" from the journal Oncogene in 2007.The funniest part is that there's a supplemental figure where they drew a bunch of key people in the oncogene field, but some weren't named. J. Simon wrote in the figure legend that he couldn't remember who everyone was and that when he asked T. Hunter, he couldn't remember either LOL. 🤦♂️ How can a figure legend be so funny?! 😂Eventually, that meeting stopped and was replaced by the AACR, which brings together a huge number of cancer researchers every year. 🩺Good ideas often pop up when we mix things together. 🧪 Sometimes we get brilliant ideas and concepts from physicists, like Stephen Hawking and Richard Feynman. 🌌 Getting all stiff and formal when talking about research just makes your mind go blank. 🥶
I really want to go to Woodstock.Bio2 + Night Science! 🏕️ #TheConferenceToEndAllConferences 💯
The Lindau Nobel Laureate Meetings in 2026 will also be multidisciplinary, so that's another one I'd love to go to. ✈️
P.S. This post was written with a lot of hyper energy, hehe. 🤪
You can read the full story and see the photos in the comments. 👇
🚫 Thai language: NO CANCER FB page/Blogger
🧬 English language: The Whispers of Biology (LinkedIn/Blogger)#AcademicConference, #ScienceCommunication, #InterdisciplinaryResearch, #ResearchInnovation, #CreativeScience, #ScienceCollaboration, #NightScience, and #AcademicLife.
-
งานประชุมวิชาการที่บ้าบอและเกรียนที่สุดในโลก
งานประชุมวิชาการที่บ้าบอและเกรียนที่สุดในโลก 5555คือดู hashtag ที่เค้าใช้"งานประชุมที่สับจบทุกงานประชุม"ชื่องานจริงๆคือ Woodstock.Bio2 + Night Scienceตอนแรกตาม X ของ Prof. Rechavi กับ Prof. Yanaiแล้วคือ Hashtag นี่ conference นะแต่ภาพคือคนดีดกีต้าบนเวทีนี่คอนเสิร์ตหรืออิหยังแปะโปสเตอร์กันกลางป่ากันไปอีกมันจ๊าบมากกกก(แต่ภาพจ๊าบๆไปตาม hashtag ใน X ได้อีกนะ)งานนี้รวมทุกสาขาวิชาความว่าตั้งแต่ชีววิทยาลามไปยันฟิสิกส์รวมตั้งแต่ระดับ นศ ป เอก จนระดับศาสตราจารย์เลย💥 ตีมการนำเสนอ
คนพูดจะต้องพูดงานตัวใน 5 นาที 1 สไลด์เท่านั้นแล้วการเรียกไปพูดบนเวทีคือสุ่มแล้วเปิดตัวด้วยเพลงที่คนพูดเลือกเอง 5555แล้วคือทำเป็น playlist ใน Spotify เลยจ้า สุดจริงๆคือถ้าฉันได้ไปกะเค้าด้วยจะใช้เพลง intro โดราเอม่อนแล้วตอนนำเสนอคือบางคนนำเสนอแบบบทกวี มาทรงคำคล้องจองงี้บางคนมี soundtrack เป็นอูคูเลเล่คนเล่าเป็นนิทานก่อนนอนก็มีแล้วที่ว่าคนเข้างานนี้มีจนถึงเวลศาสตราจารย์หนึ่งในนั้นคือ Prof. Yanai หนึ่งในหัวหน้าแก๊งค์ของงานนี้แล้วนี่คือตัวตึงเลย เค้าให้อาสาสมัครไปยืนบนเวทีทำตัวประหนึ่ง "ยีน" แล้วโบกแขน ตอนยีนเปิดหรือปิดจ๊าบจ๊าดดด คือในมุมนักชีวะอาจจะแบบว่าก็เข้าใจอยู่แล้วนี่นาแต่นึกสภาพนักฟิสิกส์ที่นั่งตาใสๆ สิทุกคนนนนคือเราต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่าซั่น👉ชอบที่ Illouz-Eliaz พูดว่า“การทำตัวตลกๆ หรือโง่ๆ ทำให้บรรยากาศการประชุมเปิดกว้างมากขึ้น และเป็นที่ที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเองและแสดงความเปราะบางได้”
👉และที่ Prof. Yanai พูดว่า“แน่นอนว่าเราต้องการวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวดและทำซ้ำได้ แต่เราก็ยอมรับอีกด้านหนึ่งของกระบวนการ นั่นคือ ‘มาหาแรงบันดาลใจเพื่อสร้างแนวคิดใหม่ๆ และสร้างความเชื่อมโยงกัน’"
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเพียงแค่การนำเสนอการบรรยายในหัวข้อที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันจะทำให้คุณเกิดความคิดใหม่?”
นั่นเพราะเรื่องราวของ 🌜 Night Science (คำนี่เริ่มมากจาก François Jacob เจ้าของรางวัลโนเบลสาขากาารแพทย์ปี 1965) ซึ่งเป็นกระบวนการคิดแบบไร้กระบวนท่ากว่าจะได้มาเป็น Day Science 🌞 ซึ่งก็คืองานที่เราลงมือทำ สมมติฐานที่เราพิสูจน์แบบเรียงลำดับสวยงามเป็นขั้นเป็นตอน😝ตอนปิดงานก็ยังจ๊าบบบ วิ่งเทรลหากระดาษปู่ดาร์วินไปอีก
แล้วงานประชุมครั้งนี้ก็ปิดท้ายด้วยนำเสนอโปสเตอร์กลางป่า เล่นเกม เล่นดนตรี โต้วาทีแล้วมีวิ่งเทรลแนวนั้นด้วย 5555 OMG!!คือแต่ละคนมีแผนที่และไปตามเอาหน้ากระดาษจากหนังสือวิทยาศาสตร์ที่วางไว้ตามทาง 4 เล่มกลับมา (หนึงสือเล่มนึงในนั้นคือ On the Origin of Species ของดาร์วิน) สุดแท้ของที่ต้องออกตามล่า ยังต้องเป็นหน้ากระดาษวิทย์ๆ แม่เอ้ยยยยที่จริงนักวิทย์พยายามจะทำงานร่วมกันแต่ก่อน ในยุคที่คนมุ่งไปทาง oncogeneก็มีงานประชุมเฉพาะชาว oncogene เลย ตั้งแต่ปี 1985โปสเตอร์นี่เกรียนทุกกกกปีและนี่คือตัวอย่างโปสเตอร์บางปีต้องขอบคุณที่ Prof. Joan Brugge เอาเรื่องนี้มาเล่าในงานประชุม Cancer genetics: History and consequencesอยากอ่านเรื่องนี้เพิ่มตามต่อได้ที่ "A not so brief history of the Oncogene Meeting and its Cartoons" เป็นงานเขียนลงวารสาร Oncogene เมื่อ 2007ความฮาคือมี Supplement fig อันนึงที่เค้าวาดคนสำคัญหลายๆคนในฟีล oncogene แต่บางคนไม่ได้เขียนชื่อไว้ แล้ว J Simon ก็เขียนใน Figure legend ว่าเค้าจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นใครในภาพเนี่ย ไปถาม T Hunter ก็จำไม่ได้เหมือนกัน 555555555555 โอ๊ยยยยย Fig legend จะฮาไปไหนนนน 😝ตอนหลังงานนี้หยุดไปแล้วมี AACR เข้ามาแทนซึ่งรวมชาว cancer research ได้เยอะมากกกกกก จัดมาเรื่อยทุกปีเห็นคนไทยเข้าประชุม AACR เยอะเลยปีๆนึง แต่คนไทยที่เป็น AACR member มีไม่กี่คนหนึ่งนั้นคือ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ไอเดียดีๆ บ่อยครั้งที่โผล่ตอนที่เราเอานู้นผสมนี่บ้างทีเราก็ได้ไอเดีย/แนวคิดเด็ดๆ จากนักฟิสิกส์นะเช่น Stephen Hawking, Richard Feynmanและการนั่งเกร็งตัวแข็งทื่อ พิธีรีตรองเยอะแยะระหว่างคุยงานวิทย์ๆนี่ทำให้หัวตื้อคิดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว 😍#TheConferenceToEndAllConferences บ้างแล้วสิLindau Nobel Laureate Meetings ปี 2026ก็เป็นปีที่รวมทุกสาขาวิชาเลยด้วยน่าไปที่สุดเลยปล. โพสต์นี้เขียนด้วยความดีด อิอิ -
วันนึงโตขึ้น เราจะไม่เป็นคนแบบนั้น คนแบบที่เราไม่ชอบ
"วันนึงโตขึ้น เราจะไม่เป็นคนแบบนั้น คนแบบที่เราไม่ชอบ"
มุมมองครั้งนี้อยากเตือนวัยรุ่นวัยของความครึ่งๆกลางๆ ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ถ้าไม่หมั่นเตือนใจตัวเองไว้โตไปเราก็จะเป็นผู้ใหญ่แบบที่เราเคยไม่ชอบนั่นแหละเพราะโตขึ้นลาภ ยศ สรรเสริญก็จะตามมาเป็นธรรมดาแตกต่างจากวัยเด็กที่ใครๆก็สอนให้เรานอบน้อมและเคารพทุกคนอยู่เสมออยากเล่าเรื่องผู้ใหญ่บางท่านที่เคยพบแล้วประทับใจให้ฟัง ซึ่งทุกคนในเรื่องเล่าก็กลายเป็นไอดอลของเราในด้านนั้นๆไปแล้ว1. #ผู้ใหญ่และผู้บริหารที่นอบน้อม คงไม่คุ้นกับการที่ผู้ใหญ่ไหว้เด็กก่อน เจอป้าท่านนี้ทีไร แทบจะโยนข้าวของในมือทั้งหมดทิ้งเพื่อจะยกมือไหว้ก่อนให้ทัน ป้าไม่ได้ไหว้แค่เรายาม แม่บ้านคือป้ายกมือไหว้หมด แม้การไหว้จะไม่ใช่ทุกสิ่ง แต่นั้นทำให้สัมผัสได้ว่าป้านอบน้อม ไม่เคยเบ่งใส่ใครและเป็นผู้ใหญ่ที่ทำให้เด็กๆอย่างเราอยากเข้าหาและเอาเป็นแบบอย่างอยู่เสมอ และป้านี่แหละที่เป็นแบบอย่างให้เราอยากทำกิจกรรมเพื่อสังคม2. #ผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส ตั้งแต่มัธยมปลาย มีโอกาสได้เจออาจารย์อาวุโสท่านหนึ่งในค่าย ยศนำหน้าชื่อของ อ ในตอนนั้นคือ ศ.ดร.มรว. เห็นยศแล้วไม่รู้จะเข้าไปคุยอย่างไรดี ต้องทำเหมือนในข่าวพระราชสำนักหรือเปล่าเนี่ย ด้วยความเป็นเด็กบ้านนอกเลยคลานเข่า >< ตลกตัวเองจัง อาจารย์คุยแบบไม่ถือตัวเลย แล้วเด็กบ้านนอกวันนั้นก็ได้โอกาสเยอะแยะมากมายเพราะจุดเริ่มต้นครั้งนั้น ใครจะนึกว่าเด็กบ้านๆ ผมสั้น ตัวดำๆจะมีใครสนใจ..จริงมั้ย หลังจากนั้นก็ได้รู้จักการวิจัยมะเร็งมากขึ้น ได้ไปฝึกงาน แล้วนี่ก็มาเรียนต่อเรื่องมะเร็ง ทุกวันนี้ก็ยังติดต่ออาจารย์และส่งการ์ดวันครูให้อาจารย์ทุกปี คิดอยู่เสมอว่าถ้าวันนึงอยู่ในสถานะที่ให้โอกาสกับใครได้ เราก็จะให้ต่อเหมือนกับที่เราเคยได้รับมา3. #ผู้ใหญ่ที่ไม่ถือตัว ครั้งหนึ่งเคยเข้าพบและได้ไปทานข้าวกับผู้บริหารระดับสูงของมูลนิธิจุฬาภรณ์ ท่านเป็นระดับคุณหญิง การพูดคุยในห้องทำงานเป็นกันเองมาก จากตอนแรกที่เรานั่งตัวเเข็งเป็นหุ่นยนต์ก็กลับมาเป็นคนได้อีกครั้ง >< จนตอนทานข้าว เข้าห้องอาหาร VIP ไปบุ๊ป เจอท่านฑูตนั่งทานอยู่ก่อน เรากำลังจะหันไปรินน้ำ แต่คุณหญิงหยิบแก้วไปรินให้เสียแล้ว นี่ว่าตัวเองเร็วแล้วนะ โอ้ววววทำไงดี จนท่านฑูตบอกว่าไม่เป็นไรทำตัวตามสบายเถอะ คุณหญิงรินให้แล้ว แล้วบทสนทนาในห้องอาหารก็ดำเนินต่อไปแบบสบายๆ4. #ผู้ใหญ่และหมอที่เข้าใจคนไข้ ท่านเป็นหมอเจ้าของไข้ของเราเอง จากที่เคยคิดว่ายาเหมือนกันก็คือการรักษาเหมือนกัน ก็เปลี่ยนความคิดนี้ไปเลย เพราะการรักษาไม่ได้ต้องการแค่ยา แต่ต้องการคำแนะนำและหมอที่เข้าใจ มันให้ความรู้สึกเหมือนเรากับหมอเป็นทีมเดียวกันแล้วไปสู้รบตบมือกับโรค หมอทำให้เรารู้สึกว่ามีคนรับฟังและช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากโรค และหมอก็ช่วยเต็มที่จริงๆ เราเองก็เป็นคนไข้ที่เต็มที่เหมือนกัน หมอบอกอะไรมาทำหมด นอกจากมุมมองของคนไข้ เภสัชทุกคนก็ต้องเจอกับคนไข้ และเราก็จะเป็นเภสัชที่ดี ดูแลคนไข้ให้ดีแบบที่หมอดูแลเราวันที่เขียน 21 มีนาคม 2019เวลาผ่านมา 6 ปีในระหว่าง 6 ปีนี้ คิดทบทวนดูอยากเพิ่มผู้ใหญ่ในดวงใจอีก 3 คน.5. #ผู้ใหญ่ของครอบครัว ป้าๆกับลุง พอคิดย้อนไปตอนนี้เราก็โตพอที่จะเป็นน้า เป็นป้าคนได้แล้ว แต่ไม่ค่อยได้คิดเรื่องนี้เพราะพี่ๆน้องๆก็ไม่มีลูกกัน ตอนเด็กๆและจนมาถึงตอนนี้ ป้าน้อย ป้าเภา ลุงน้อย เป็นแบบอย่างเรื่องห่วงใยหลานๆ และเป็นธุระจัดการเรื่องในครอบครัวฝั่งบ้านยายมาตลอด การทำให้ครอบครัวรักและสามัคคีกันเป็นเรื่องที่สำคัญมากเลย6. #ผู้ใหญ่ที่สู้รบด้วยได้ 55555 อาจารย์ที่ปรึกษานั่นเอง เตรียม manuscript แต่ละฉบับเหมือนออกสงคราม หยิบดาบก่อนกดเข้า zoom ไรงี้เลยยยย แต่เถียงอาจารย์เฉพาะเรื่องวิทยาศาสตร์นะ นอกนั้นเป็นนักเรียนที่เรียบร้อยมากกกกก อิอิ คือมันสนุกนะ กับอาจารย์ท่านอื่นไม่น่าจะกล้าเลยแหละ วิจัยและวิทยาศาสตร์มันต้องฟีลนี้ ใครไม่สมเหตุสมผล แพ้!!! แล้วใครที่แพ้ ฉันเองจ้าาา แต่ยังสู้เก่ง กลัวกรรมตามทันจริงๆ เกิดต้องดูเเลเด็กๆนักเรียนขึ้นมานี่ แอร๊7. #ผู้ใหญ่ที่วางตัวดี ผู้ใหญ่คนนี้เป็นรุ่นพี่คนหนึ่ง พี่เค้าวางตัวดีมาก น่าเกรงขาม ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ไม่ตัดสินใครง่ายๆ ทำงานเป็นทีมเริ่ดมากเว่อร์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีเหตุผลทุกขั้นทุกตอน การทดลองแป๊ะสุดๆ นอกจากจะพยายามตามพี่เค้าเรื่องการวางตัว (ซึ่งตัวฉันเองก็ยังวางอะไรไม่ได้สักอย่าง 555) ก็ตามเรื่องวางแผนการทดลองด้วย 5555 ซึ่งอย่างหลังนี่ทำให้รอดชีวิตจากช่วงปริญญาเอกมาได้เลยแหละ
วันที่เขียน 21 มีนาคม 2025ทั้งหมดนี้ ก็ได้แต่บอกว่าให้เตือนตัวเองอยู่เสมอจำความรู้สึกตอนเป็นเด็กๆไว้ให้ดีถ้าโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ให้เป็นผู้ใหญ่แบบที่เราอยากเจอตอนเราเป็นเด็กเพราะโตเป็นผู้ใหญ่มันไม่ง่ายแต่จะเป็นเด็กตลอดไปก็คงไม่ได้เหมือนกัน -
🧬 ทำไม #ยามุ่งเป้า 🎯 ถึงชอบลงท้ายด้วย "แมบๆ" (Mab) เพิ่งค้นพบแมบๆเลยตั้งงี้เหรอ
🧐 ไขข้อสงสัย! ทำไม #ยามุ่งเป้า หอบหืด ถึงชอบลงท้ายด้วย "แมบๆ" (Mab) กันนะ? 🤨
ทุกคนนนนน! 👋 ตั้งแต่ที่เราคุยเรื่อง "ยามุ่งเป้า" กันมาเนี่ย มีใครสังเกตไหมคะว่า... ทำไมชื่อยาพวกนี้ถึงชอบลงท้ายด้วย "แมบๆ" (Mab) กันเกือบหมดเลยนะ? 🤔
มิสไปเจอบทความวิชาการอันนี้มาชื่อหัวข้อจ๊าบมาก "Mabs for treating asthma: omalizumab, mepolizumab, reslizumab, benralizumab, dupilumab." เลยเป็นที่มาของโพสนี้ จะสังเกตว่ายาทุกลงท้ายด้วยแมบหมดเลย
บางคนแอบคิดในใจรึเปล่าคะว่า... "หรือว่าเพิ่งค้นพบ (แมบๆ) เลยลงท้ายด้วยแมบ?" 🤣
วันนี้มิสจะมาไขข้อข้องใจให้กระจ่างเลยค่ะ! นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะ แต่มันมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลัง! 🤩
🧬 ยามุ่งเป้าที่ลงท้ายด้วย "แมบๆ" (Mab) คืออะไร? 🎯
✨เฉลยเลยค่ะ! คำว่า "แมบ" (Mab) ที่เราเห็นอยู่ท้ายชื่อยามุ่งเป้าเหล่านี้ ย่อมาจากคำว่า "Monoclonal Antibody" (โมโนโคลนอล แอนติบอดี) นั่นเองค่ะ! ✨
🧬แล้ว Monoclonal Antibody คืออะไร?
✨ อธิบายง่ายๆ นะคะ มันก็คือ "แอนติบอดีสังเคราะห์" หรือ "โปรตีนภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการ" ค่ะ! 👩🔬
✨ ลองนึกภาพว่าในร่างกายเรามีตำรวจ (แอนติบอดี) ที่คอยจับผู้ร้าย (สารผิดปกติ) ใช่ไหมคะ? แอนติบอดีปกติอาจจะจับผู้ร้ายได้หลายคน แต่ "Monoclonal Antibody" เนี่ย คือตำรวจพิเศษที่ถูกฝึกมาให้จับผู้ร้าย "แค่คนเดียว" ที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจงมากๆ เท่านั้นค่ะ!
🎯 นี่แหละคือหัวใจของ "การแพทย์แบบแม่นยำ" เลย! ยามุ่งเป้าเหล่านี้จะเข้าไป "จับ" หรือ "บล็อก" สารบางอย่างในร่างกายเราที่กำลังทำงานผิดปกติและก่อให้เกิดการอักเสบในปอด ทำให้กระบวนการอักเสบหยุดลง หรือลดลงได้โดยตรงและแม่นยำที่สุดค่ะ🎯 ดังนั้น... ยาทุกตัวที่ลงท้ายด้วย "-mab" ก็คือ ยาในกลุ่ม Monoclonal Antibody ที่ออกฤทธิ์แบบ "มุ่งเป้า" ไปยังเป้าหมายเดียวที่เฉพาะเจาะจงนั่นเองค่ะ!
🎯 ตัวอย่างยา "แมบๆ" ที่เราคุยกันไปแล้ว:
✅ Omalizumab (โอมาลิซูแมบ)
✅ Mepolizumab (มีโพลิซูแมบ)
✅ Reslizumab (เรสลิซูแมบ)
✅ Benralizumab (เบนราลิซูแมบ)
✅ Dupilumab (ดูพิลูแมบ)
✅ Tezepelumab (เทเซเพลูแมบ)😆เห็นไหมคะว่า "แมบๆ" ไม่ใช่แค่ชื่อเท่ๆ แต่เป็นชื่อที่บ่งบอกถึงกลไกการทำงานอันชาญฉลาดของยาเหล่านี้เลย! ทำให้การรักษาหอบหืดได้ผลดี ตรงจุด และอาจลดผลข้างเคียงที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายได้ค่ะ
👉หวังว่าทุกคนจะเข้าใจที่มาของคำว่า "แมบๆ" กันมากขึ้นนะคะ! ใครมีคำถามเพิ่มเติม หรืออยากให้มิสหาข้อมูลเรื่องอะไรอีก คอมเมนต์มาบอกกันได้เลยค่ะ! 👇
💋 ติดตามเรื่องราวดีๆ และเป็นประโยชน์จากมิสหอบหืดได้ที่เพจ💋 @มิสหอบหืด - Miss Asthma Thailandหรืออ่านบทความย้อนหลังได้ที่👉 https://missasthmath.blogspot.com#ยามุ่งเป้าหอบหืด #MonoclonalAntibody #Mab #PrecisionMedicine #การแพทย์แม่นยำ #MissAsthmaTH #ความรู้เรื่องยา #หอบหืด
📚 อ้างอิง
- Ridolo E, Pucciarini F, Nizi MC, Makri E, Kihlgren P, Panella L, Incorvaia C. Mabs for treating asthma: omalizumab, mepolizumab, reslizumab, benralizumab, dupilumab. Hum Vaccin Immunother. 2020 Oct 2;16(10):2349-2356. doi: 10.1080/21645515.2020.1753440. Epub 2020 May 13. PMID: 32401603; PMCID: PMC7644228. -
🧬 ยามุ่งเป้าที่ใช้รักษาโรคหอบหืด 🫁 ตอน 4/4: กลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ต่อ TSLP
🧬 ยามุ่งเป้าที่ใช้รักษาโรคหอบหืด 🫁 ตอน 4/4: กลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ต่อ TSLPสวัสดีค่ะทุกคน! 👋 มาถึงยาตัวสุดท้ายในซีรีส์ "ยามุ่งเป้าที่ใช้รักษาโรคหอบหืด" ที่มิสนำมาฝากกันในครั้งนี้นะคะ!สำหรับยาชีววัตถุหรือยามุ่งเป้านั้น ตามแนวทางการรักษาโรคหอบหืด (GINA 2025) แนะนำให้พิจารณาใช้ในขั้นที่ 5 ค่ะ🌟 นั่นหมายความว่า ยาเหล่านี้สงวนไว้สำหรับผู้ป่วยหอบหืดชนิดรุนแรง (Severe Asthma) ที่แม้จะได้รับการรักษาด้วยยาควบคุมอาการอื่นๆ ในขนาดสูงสุดที่เหมาะสมแล้ว (เช่น ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่นร่วมกับยาขยายหลอดลมออกฤทธิ์นาน) อาการก็ยังคุมได้ไม่ดี หรือยังมีการกำเริบบ่อยๆ นั่นเองค่ะ💉 การเลือกใช้ยามุ่งเป้าตัวไหนนั้น คุณหมอจะพิจารณาจากลักษณะเฉพาะของอาการหอบหืดในผู้ป่วยแต่ละคน หรือที่เรียกว่า 🧬"ฟีโนไทป์" (Phenotype) โดยดูจากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ระดับของสารบางอย่างในเลือด หรือจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิดค่ะ🛡️ กลุ่มยามุ่งเป้าที่มีในปัจจุบัน ก็มีหลายตัวเลย และนี่คือตัวสุดท้ายที่เราจะมาทำความรู้จักกันค่ะ!4. กลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ต่อ TSLP (Anti-TSLP)✅ เป้าหมาย: สาร Thymic Stromal Lymphopoietin (TSLP) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบในทางเดินหายใจในภาพรวม ตั้งแต่ต้นทางเลยค่ะ เหมือนเป็นสวิตช์หลักที่เปิดการอักเสบในหลายๆ กระบวนการ✅ ชื่อสามัญทางยา: Tezepelumab (เทเซเพลูแมบ)✅ กลไก: ยาจะไปยับยั้ง TSLP โดยตรง ทำให้กระบวนการอักเสบตั้งแต่ต้นทางถูกตัดตอนลง ป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบต่อเนื่องไปจนถึงปลายทางได้ค่ะ✅ เหมาะกับ: ผู้ป่วยหอบหืดชนิดรุนแรง ไม่ว่าจะมีฟีโนไทป์แบบ T2-high หรือ T2-low (ซึ่งยาตัวอื่นๆ อาจตอบสนองได้ไม่ดีเท่า) ทำให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีไบโอมาเกอร์ที่ชัดเจนสำหรับยาตัวอื่นค่ะ ถือเป็นความหวังใหม่สำหรับผู้ป่วยบางรายเลยทีเดียว☝️ ความพิเศษของยา Tezepelumab คือการออกฤทธิ์ที่ต้นน้ำของการอักเสบ ทำให้ครอบคลุมกลไกการเกิดหอบหืดได้กว้างขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่ในฟีโนไทป์บางประเภท ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ป่วยที่การรักษาเดิมยังไม่ตอบสนองอย่างเต็มที่นะคะ💖 สรุปและข้อคิดจากมิส💖ยามุ่งเป้าเหล่านี้เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการรักษาโรคหอบหืดค่ะ ทำให้ผู้ป่วยหอบหืดชนิดรุนแรงมีทางเลือกในการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้เป็นยาที่ซับซ้อน และมีค่าใช้จ่ายสูง การตัดสินใจว่าจะใช้ยาตัวไหน และจะเหมาะสมกับเราหรือไม่นั้น 💋ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจเท่านั้นนะคะ💋 คุณหมอจะประเมินอาการ ตรวจหา "เป้าหมาย" ที่เหมาะสม และวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดให้เราค่ะ 😊หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถปรึกษาคุณหมอประจำตัวได้เลยค่ะ 😊💋💋 ติดตามเรื่องราวดีๆ และเป็นประโยชน์จากมิสหอบหืดได้ที่เพจ💋 @มิสหอบหืด - Miss Asthma Thailandหรืออ่านบทความย้อนหลังได้ที่👉 https://missasthmath.blogspot.com#มิสหอบหืด #MissAsthmaTH #GINA2025 #ยามุ่งเป้าหอบหืด #Biologics #รักษาหอบหืด #หอบหืดชนิดรุนแรง #สุขภาพปอด #การแพทย์แม่นยำ #ทางเลือกการรักษา #Tezepelumab📚 อ้างอิง- https://www.myastrazeneca.co.uk/tezspire/how-it-works.html