- formatting
- images
- links
- math
- code
- blockquotes
- external-services
•
•
•
•
•
•
-
☎️แนะนำการติดต่ออาจารย์ งานวิชาการชั้นปีและการทำหน้าที่ ☎️
แนะนำการติดต่ออาจารย์ งานวิชาการชั้นปีและการทำหน้าที่
***การติดต่ออาจารย์ (ตามแนวทางตัวเองนะ)
...ที่จริงแล้วเรื่องนี้แล้วแต่อาจารย์แต่ละท่าน ว่าจะสไตล์ไหน หรือ strict ในการติดต่อแค่ไหน วิธีที่จะเขียนต่อไปนี้โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นวิธีที่จะ safe ตัวผู้ที่ติดต่อเองมากที่สุด...- นัดอาจารย์ล่วงหน้าก่อนจะไปพบ วิธีการนัดที่แนะนำได้แก่ นัดกับอาจารย์เอง, นัดโดยโทรนัดผ่านโทรศัพท์ภายใน(คือโทรศัพท์ที่ทำงานอ่ะไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ), นัดผ่าน e-mail
- การติดต่ออาจารย์ผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือ ควรจะได้เบอร์มือถือมาโดยขอจากอาจารย์เอง หรือถ้าขอจากคนอื่นควรแน่ใจก่อนว่าอาจารย์ยินดีจะให้ติดต่อโดยช่องทางนี้
- ควรติดต่ออาจารย์ในเวลาราชการ ไม่ว่าจะโทรหรือไปพบ โดยเวลาว่างของอาจารย์แต่ละท่านมักจะมีในเว็บไซต์ของมหาลัย- ถ้า ม.วลัยลักษณ์ ก็ link นี้ : http://202.28.69.99/registrar/teach_time.asp?avs145450732=1
- การโทรติดต่ออาจารย์ ควรจะบอกชื่อ นศ.ที่ติดต่อ และเรื่องที่จะติดต่อก่อน เช่น
“สวัสดีค่ะอาจารย์....ไหมคะ ไม่ทราบอาจารย์สะดวกคุยไหมคะ หนู นศภ.งามฟรุ้งฟริ้ง กุ๊งกิ๊งสุดสุด นศภ.ชั้นที่ 4 ขอต่อติดอาจารย์เรื่อง............” - วิธีที่อาจารย์หลายท่านสะดวกที่สุดอาจจะเป็น e-mail เช่นอาจารย์ที่ยุ่งมากๆ อาจารย์ผู้ใหญ่ อาจารย์ในสถาบันวิจัย อาจารย์ที่ต้องติดต่อด้วยความสุภาพอย่างสูง การหา mail อาจารย์ก็หาได้จากเว็บมหาลัย- สำหรับ ม.วลัยลักษณ์ link นี้ http://202.28.68.27/wpd/source/person1.php
- การติดต่อทาง e-mail ก็คล้ายๆกันโทรศัพท์ แต่อาจจะมีรูปแบบนิดนึงเพื่อการอ่านงานและเป็นทางการหน่อย เช่นมี เรียน อาจารย์..... ,เรื่องที่ติดต่อ, คำลงท้าย อาจจะมี signature ของผู้ส่งที่มีเบอร์โทรติดต่อกลับไว้ด้วย ถ้าจะให้เจ๋งหน่อย signature เป็นภาษาอังกฤษก็จะดี เผื่อติดต่อต่างประเทศ 555
- เนื้อหาการเขียน mail ก็แล้วแต่วาทะศิลป์แต่ละคน ประมาณนั้น อันนี้เดี๋ยวจะแนบรูปให้ดูอีกครั้งหนึ่ง
- แต่การติดต่อผ่าน e-mail มหาลัยบางทีก็กลัวส่งไปไม่ถึง(เคยเจอมาแล้ว) โดยทั่วไปอาจจะรู้ได้จากการที่ไม่มี e-mail เด้งกลับมา(บางที mail มหาลัยก็แปลกๆ ไม่มีเด้งกลับแต่ก็ส่งไม่ถึง) เพราะงั้นเห็นว่าติดต่อไปนานแล้ว หรือเจอตัวอาจารย์ก็ถามซะหน่อยว่า “อาจารย์ได้รับ e-mail หนูแล้วยังคะ” อย่างไรก็ตามควรเผื่อเวลาสำหรับติดต่อทางช่องทางนี้ไว้ด้วย
☎️ งานวิชาการชั้นปี
- ตำแหน่งวิชาการชั้นปี คือ นศ.ที่เป็นตัวแทน นศ.ในชั้นปีเพื่อติดต่อประสานงานระหว่างนักศึกษากับอาจารย์ เพื่อประโยชน์ในของรายวิชาต่างๆ
- หน้าที่โดยทั่วไป
- ติดต่อเมื่อเวลาเรียนหรือเวลาสอบมีปัญหา เช่น ขอเลื่อนสอบเมื่อตารางสอบชนกันอย่างจัง ซึ่งดูแล้วไม่น่าอ่านหนังสือทันแน่ๆ
- เป็นปฏิทินชั้นปีจำเป็น ควรมีปฏิทินที่ update การเลื่อนเรียนติดตัวอยู่เสมอ ถ้าอาจารย์ เพื่อน หรือ พี่ TA ถามต้องตอบได้
- ดูแลอาจารย์พิเศษ ตั้งแต่รับอาจารย์ ขอบคุณอาจารย์ ไปจนกระทั่งรอส่งอาจารย์กลับ
- จัดหาหน้าม้าตั้งคำถามในคาบเรียนของอาจารย์พิเศษ หรือถ้าหาไม่ได้ก็ต้องเป็นหน้าม้าเอง แฮะๆ
- ดูเรื่องลงทะเบียนเรียน อาจจะตามจิกบ้างกรณีวันสุดท้ายแล้วนางยังไม่ลง อันนี้จะมีวิธีเช็คได้โดยเปิด ces กดค้นหารายวิชา แล้วก็ดูว่าลงครบจำนวนคนมั้ย (มันมีคนลืมทุกเทอมเหอะ)
- ดูประกาศเรื่องประเมินอาจารย์ ถ้าไม่ประเมินปัญหาเรื่องการดูเกรดจะตามมา (แต่ก็มีคนลืมทุกเทอมเช่นกัน แฮะๆ)
- นอกนั้นก็ช่วยเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือในการติดต่ออาจารย์เป็นกรณีไป
3. คุณสมบัติ- พูดกับเพื่อนและอาจารย์รู้เรื่อง มีวาทะศิลป์ และศิลปะในการอ้อนวอนจะดีมาก 55555
- สิงสถิตอยู่ที่คณะได้บ่อย และบางครั้งเป็นเวลานาน
☎️ การดูแลอาจารย์พิเศษ- รับอาจารย์ : อันนี้ควรรู้ก่อนว่าอาจารย์เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หารูปอาจารย์ในเน็ตสักนิดนึง คือบางทีอาจารย์พิเศษก็ลงจากรถมหาลัยกันทั้งนั้นเดี๋ยวจะไปรับอาจารย์ผิดท่าน (อันนี้เกือบจะเกิดขึ้นจริง 5555)
- ระหว่างพักเช่นพักเที่ยง ก็ดูแลและรอจนกว่าจะมีอาจารย์จากคณะมารับอาจารย์ไปทานข้าว
- หาหน้าม้ามาตั้งคำถาม
- ขอบคุณอาจารย์พิเศษ หรืออาจจะหาเพื่อนที่แลดูดีในชั้นปีแล้วทาบทามนางมาพูดขอบคุณให้แทน
- รอส่งอาจารย์ ช่วยถือของไรงี้
...ทั้งหมดที่เขียนมาคือตามแนวทางที่ตัวเองเคยทำมาเท่านั้น มันจะอาจจะผิด, ไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกสไตล์ของอาจารย์บางท่านก็เป็นได้...นศภ.กฤชติยาภรณ์ คงธนะวานิชเภสัชศาสตร์รุ่นที่ ๕ ม.วลัยลักษณ์เขียนเมื่อ 17 ธันวาคม 2014 -
เหรียญรางวัลโอลิมปิกในสงครามต่อสู้กับมะเร็ง🎗️
เหรียญรางวัลโอลิมปิกในสงครามต่อสู้กับมะเร็ง
เหรียญโอลิมปิกไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของชัยชนะเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของธาตุที่กำลังมีบทบาทสำคัญในการรักษามะเร็ง
.ทอง (Au)
เงิน (Ag)
ทองแดง (Cu)
คือธาตุในตารางธาตุที่เราเรียนกันสมัยมัธยม
ที่ถูกศึกษาและปรับใช้ในการรักษามะเร็ง
ซึ่งนำมาซึ่งความหวังใหม่ในการต่อสู้กับโรคร้ายนี้
.แต่ๆ ธาตุพวกนี้ถูกศึกษาในรูปสารเคมี
ร่วมกับธาตุอื่นๆด้วย (complex)นะ
ไม่ได้ซื้อทอง ซื้อเงินเป็นสร้อยเป็นแหวนมาสวมหรือกินกันนะ ><
.ทอง และเงิน
สารประกอบของทองและเงินจะโจมตีเอนไซม์ทอปอยโซเมอเรส (topoisomerases) ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบ่งตัวของมะเร็ง งานวิจัยที่ดำเนินอยู่นี้มุ่งพัฒนาสารประกอบโลหะเหล่านี้ให้เป็นการบำบัดที่มีประสิทธิภาพและมีผลข้างเคียงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการรักษาแบบเดิมทองแดง
สารประกอบทองแดงกำลังเป็นทางเลือกที่มีพลังในการรักษาเคมีบำบัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเนื้องอกที่ดื้อต่อยาแพลตตินัม เช่น ซิสพลาติน (Cisplatin) สารประกอบเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง แต่ยังมีความเป็นพิษน้อยกว่า โดยบางชนิดได้เข้าสู่การทดลองทางคลินิกแล้ว
.
โลหะโอลิมปิกเหล่านี้กำลังก้าวออกจากเวทีและเข้าสู่ห้องแล็บ
อาจเปลี่ยนแปลงการรักษามะเร็งและนำความหวังใหม่มาสู่ผู้ป่วยทั่วโลก
.
ในบทความนี้กล่าวถึงแพลตตินัม (Platinum) ไว้ด้วย
ไว้บทความความหน้า แอดจะเล่าเรื่องแพลตตินัมให้ฟังกัน
ใบ้ไว้ก่อนเลยว่า
เป็นธาตุที่ใช้รักษามะเร็งเยอะมากๆๆๆ
มาอย่างยาวนานด้วย
.
อ้างอิง
[1] Copper, gold and silver compounds as potential new anti-tumor ... https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/21426151/
[2] A review of the latest developments in metal-based anticancer agents https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S0010854523005684
[3] Gold, silver and copper complexes targeting human topoisomerases https://www.researchgate.net/.../338008415_From_coins_to...
[4] Metallo-Drugs in Cancer Therapy: Past, Present and Future - NCBI https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC9572156/
[5] Gold, silver and copper complexes targeting human topoisomerases https://www.sciencedirect.com/.../abs/pii/S0960894X19308832
.
#วิจัยมะเร็ง #นวัตกรรมทางการแพทย์ #ทอง #เงิน #ทองแดง #แพลตตินัม #การรักษามะเร็ง #วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต
#NoCancer
#NoCancerTH
#เพราะวิจัยมะเร็งนั้นลึกซึ้ง
#โอลิมปิก2024 #โอลิมปิกเกมส์ #โอลิมปิก #Olympics #olympics2024 #olympicgamesเขียนเมื่อ 12 ส.ค. 2024
-
Vibe Coding: When everything in coding is thrown to AI 🤖
"Vibe Coding: When everything in coding is thrown to AI." 🤖
That was the real eye-opener from yesterday's Sunday AI Webinar, where I got to hear from some super smart folks in AI, economics, and medicine.
What's Vibe Coding? 🤔
Basically, it's when you just tell AI to write your code or fix your errors. You know, like, just copy-pasting the error message and letting the AI do its thing. At first, it's awesome! Super fast, seems like a shortcut. But then, as one of the speakers, Dr. Piyalitt Ittichaiwong, pointed out,
you can end up feeling super bummed out.
Why? 'Cause you hit a bug and get stuck in this endless loop you can't get out of. And for real, that's exactly what happens! 😵💫I'm not even a proper coder myself – I actually studied pharmacy!
My first coding attempts were pretty messy, and I totally hit that "build it, break it, repeat" cycle. That's when I realized I needed to go back to square one.
Why Fundamentals Rule! ✨
Going back to basics was a game-changer. I learned that:
Coding is just about thinking step-by-step. The language (like Python or R) is just a tool; if you think logically, you can switch between them.
The real pro skill? Fixing bugs! 🛠️ Seriously, the more bugs you wrestle with and win, the more experience you rack up.
For computational biologist 🧬
And here's the kicker, especially for fields like computational biology. It's not just about debugging code itself. You really need to understand the biology behind it and work super closely with wet lab researchers. Without that deep biological insight and collaboration, even the best code won't give you meaningful answers when things go wrong. It's about combining coding know-how with domain expertise.
So, if you're thinking about learning to code from the ground up, I can't recommend Harvard's CS50 course with Professor David Malan enough. It's free, and it's seriously good stuff. I took it right before ChatGPT blew up, and yeah, I had moments where I thought, "Ugh, everyone's just vibe coding now, was this even worth it?" But honestly, I feel so incredibly lucky now that I did. That solid foundation helps me actually solve problems and think like a proper developer. Plus, it involved lots of dog petting when I got stuck, so win-win! 🐶😻
#NamthipPhDstory #VibeCoding #CodingJourney #CS50 #LearningToCode #Programming #AI #ChatGPT #ComputationalBiology #Debugging #TechTalk
-
Vibe Coding: เมื่อทุกสรรพสิ่งของ coding ถูกโยนให้ AI ทำ
Vibe Coding: เมื่อทุกสรรพสิ่งของ coding ถูกโยนให้ AI ทำ
เป็น talk ที่รวมมหาเทพเลยทั้งคุณต้นสน(สายเศรษฐศาสตร์) จารย์อ๋า(สายแพทย์) พี่ทอย(สายเป็ด แต่เทพทุกสิ่ง) และโฮสโดยคุณโชค (เทพ digital media)ประเด็นมีเยอะมากๆ ฟังยาวๆไม่มีเบื่อเลยครัช ตามไปดูได้ที่นี่เลยอันนึงที่ติดใจอยากเขียนวันนี้คือ Vibe codingซึ่งมันคือการที่เราไปบอกให้ AI เขียนโค้ดให้แก้ error ให้โดยแบบก็อบ error โยนไปทั้งยวงเลยจารย์อ๋าบอกว่าแรกๆก็ดี เริ่มไว ไปไวเลยแต่ทีหลัง depress แทน 55555เพราะติด bug แล้ววนลูปวนมันอยู่อย่างนั้นแหละแก้ไม่ได้แล้วคือจริง!!!!ส่วนตัวไม่ใช่สาย coder เลยมามั่วๆเอาเอง จบเภสัชมา ><เขียนโค้ดอันแรกคือ html กากๆ ตอน ม.4ทำเว็บ NO CANCERถ้าใครถามว่าจะเรียน coding ยังไงก็มีหลายคำตอบจะจัดเต็มตั้งแต่พื้นฐานจะเอาแบบเฉพาะสายงาน หรือ vibe coding ก็ได้แต่ 2 แบบหลังคือรู้สึกว่าเป็นการไปข้างหน้าแบบงูๆปลาๆนอกเหนือจาก routine work คืออาจจะพลิกแพลงไม่ได้หล่ะติด bug แล้วตายไปปปปป ทรงนั้นเลยแต่ถ้าเอาแบบพื้นฐาน ข้อดีคือแน่นๆพลิกแพลงได้แต่ก็นั้นแหละใช้เวลามากในช่วงเริ่มต้นเคยลองแบบ 2 มาแล้วผลคือได้ก็คือพังแล้วพังอีกเลยมาเริ่มพื้นฐานใหม่แบบยกเครื่องเลยซึ่งดีเลยนะกลายเป็นว่าCoding คือกระบวนการคิดเป็นลำดับขั้น
ภาษาต่างๆก็คือ syntax ถ้ากระบวนการดี แค่เปลี่ยนภาษาเช่น R ไป Unix/Python ก็ยังรอด
และ Skill ที่เปรี้ยวสุด ที่เพิ่มพูนตามประสบการณ์ของ Coder คือ การแก้ bug (bug ยิ่งเยอะ ยิ่งมากประสบการณ์ 555+)
เพราะความพังท่วมหัวเอาตัวไม่รอดคือ bug ที่แก้ไม่ออกนี่แหละใครสนใจตั้งแต่พื้นฐานแนะนำคอร์ส CS50 ของ Prof. David Malanวิชา Com Sci ของ Harvard (เรียนฟรี จะไม่ได้ใบ cer)เดี๋ยวเขียนเรื่องนี้โพสต์ต่อไป >< ยาววววเราเรียน CS50x ก่อน ChatGPT เกิดนิดหน่อยตอนนั้นก็นอยด์ๆนะแหม่...คนอื่นใช้ Vibe code เอาก็ได้แต่ตอนนี้รู้สึกโชคดีมากตอนเรียน CS50x เรียนไป เขียน code ไม่ได้ก็เดินไปลูบหมาที่บ้านลูบๆไป คิดออก ก็วิ่งกลับมาเขียนต่อลูบจนหมาจะขนร่วงหมดละ 555ขอบคุณลมมี่แมวยักษ์ประจำเรือนไว้ ณ ที่นี้ -
ภาพวาดของผู้ทรงศักดิ์ในหอสมุดศิริราชและเป็นที่มาของชื่อพิพิธภัณฑ์
ภาพวาดของผู้ทรงศักดิ์ในหอสมุดศิริราชและเป็นที่มาของชื่อพิพิธภัณฑ์
รูปของกรมพระราชวังบวรสถานภิมุข จะเจอได้ที่ตึกอดุยฯ กับหอสมุดของศิริราช
ช่วงเดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เรียนตึกนี้เกือบทุกวันตึกอดุยลเดชวิกรมของศิริราช ซึ่งด้านบนเป็นพิพิธภัณฑ์.เข้ามาใต้ตึกทีไรก็เห็นใครๆยกมือไหว้ ทำความเคารพรูปวาดพระบิดาในรัชกาลที่ 9แต่ไม่ค่อยมีใครสังเกตรูปวาดของบุคคลท่านนี้กันมองผ่านๆ อาจจะนึกว่าเป็นรูปรัชกาลที่ 1.พื้นที่นี้เป็น รพ. ศิริราช ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะท่านนี้หล่ะ.ถ้ารู้จักศิริราชก็คงรู้จักวังหลังซึ่งวังหลังเป็นพระราชวังเดิมของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์กรมพระราชวังบวรสถานภิมุขซึ่งทรงเป็นกรมพระราชวังบวรสถานภิมุข(ตำแหน่งวังหลัง)ในรัชกาลที่ 1.ท่านมีศักดิ์เป็นหลานของรัชกาลที่ 1และยังเป็นเสมือนขุนศึกข้างพระวรกายหลังจากนั้นมาไทยก็ไม่มีตำแหน่งวังหลังอีกเลยพื้นที่ของวังหลังจึงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายอย่างวังหน้า.ช่วงรัชกาลที่ 5 วังหลังจึงถูกเปลี่ยนเป็นรพ.ศิริราช(ศิริราชมาจากชื่อพระโอรสในรัชกาลที่ 5).ศิริราชมีเรื่องราวมากมายพิพิธภัณฑ์ก็มีถึง 4 แห่งแต่ก็ยังไม่เคยไปเลยสักที่เดียวฝุ่นคงจะเยอะ แอบเสียดายนะเนี่ยปล. รูปของกรมพระราชวังบวรสถานภิมุขจะเจอได้ที่ตึกอดุย กับหอสมุดของศิริราชส่วนเรื่องราวของวังหลังมีให้เจอเยอะมากร่องรอยกำแพงเก่าแถวศิริราชปิยะซึ่งเป็นแนวยาวไปถึงแถวๆวัดระฆังปล2. ท่านนี้เป็นหลานของรัชกาลที่ 1 (ลูกของพี่สาว)เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2019FB post: https://www.facebook.com/share/p/1B6Tki5QqC/