- formatting
- images
- links
- math
- code
- blockquotes
- external-services
•
•
•
•
•
•
-
Namthip x งานวิจัยมะเร็ง: ตอนอะไรที่ดลจิตดลใจให้เดินไปหาปริญญาเอก
...อะไรที่ดลจิตดลใจให้เดินไปหาปริญญาเอก...

ภาพด้านในตึกชีวการแพทย์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เรื่องราวมันยาวนานพอดู บางคนอาจจะรู้เรื่องราวนี้มาบ้างตอนนั้นอยู่ ม.2 เพราะว่ายายเสียด้วยโรคนี้ตอนนั้นก็โคตรเซ็งเลย แบบเฮ้ย ทำไมหมอให้ยายกลับบ้านหว่ะหมอต้องรักษาดิ ก็ยังเด็กน้อยอ่ะนะpalliative care อะไรไม่รู้จักทั้งนั้นหลังจากนั้นก็หาข้อมูลด้วยความแค้น 55555ซื้อหนังสือเอย ไปงานประชุม ดูข่าวพระราชสำนัก(ข่าวเจ้าฟ้าหญิงนี่หล่ะ)ไปๆมาๆจนรู้ว่าชอบมะเร็งทางด้านวิทยาศาสตร์ (มารู้เอาตอน ป.ตรี).บางคนเคยบอกว่าสนใจมะเร็งมันก็ตามเทรนก็จริงอยู่มะเร็งเป็นเทรน คนเป็นกันเยอะไม่ว่าใครก็ต้องมีใครสักคนรอบตัวเป็นมะเร็งกันบ้างแต่มันไม่ได้สำคัญว่าสิ่งที่เราสนใจจะเป็นเทรนมั้ยเพราะสิ่งที่พิสูจน์กันได้ไม่ใช่คำพูด และเราก็ได้พิสูจน์มันมาบ้างแล้ว.สำหรับเราตอนนี้มะเร็งไม่ใช่สิ่งที่ต้องแค้นเคืองแต่มันคือ passionที่ทำให้เราพยายามไปต่อในสิ่งที่เราสนใจคิดดูสิว่าจะรู้สึกดีขนาดไหนถ้าสิ่งเล็กๆที่เราทำมีประโยชน์ต่อผู้ป่วย.จะดีสักแค่ไหน ถ้าอีก 10 ปี 30 ปี หรือ 50 ปีข้างหน้าคนที่ป่วยเป็นมะเร็งแบบที่ยายเป็นจะอยู่ได้นานๆ หรือแก่ชราไปด้วยอายุขัยตัวเองจะดีแค่ไหนถ้าการรักษาใดๆก็ตามไม่ได้ช่วยคนแค่ 1แต่ช่วยได้เป็น 100 เป็น 1000.ที่รู้ว่าชอบมะเร็งแบบวิทยาศาสตร์ ก็ใช้เวลาลองอยู่นานจะชัดจริงๆก็ประมาณ ม.5 ได้รู้จักกับ อ.ชิษณุสรรเพราะค่าย thai science camp(นี่ถ้าค่ายไม่ฟรีกับมีค่าเดินทางให้นะ อดไปแน่ๆ)ขาดสอบของ รร ไปค่าย เกรียนมากนะสมัยนั้นแล้วก็ได้ไปดูแลปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์แป๊ปนึง(แค่ไม่เกิน 2 ชม.อ่ะ) โดยมี อ.เกรียงศักดิ์ ดูแลตื่นตาตื่นใจกับการเห็นตู้เย็น -80 มาก ตลกตัวเองจัง 5555+.- พอตอนประมาณ ปี 2-3 ก็ขอ อ ในมหาลัยไปช่วยงานพวกสมุนไพร (อ.วรพงศ์) เกือบได้ทำแลปข้ามปี แต่เพราะเวลาเรียนช่วงหลังรัดตัวมาก เวลานอนยังหายากเลยต้องหยุดแค่นั้น- ปี 3 ก็กลับไปดูงานที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์อีกครั้ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับโปรตีนเป็นเวลาไม่กี่วันที่ได้ความรู้เยอะมากและเพราะที่นี่ทำให้ได้ connection ไปฝึกต่อทีคณะแพทย์ จุฬา ในปีถัดมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับพันธุกรรม ในแลปของ อ.อภิวัฒน์....เรียกว่าทัวร์ตามหาฝันมาก 5555ฝึกพวกนี้ก็ไม่ใช่เนื้อหาหลักสูตรก็ต้องหาเวลาว่างเอาเอง ช่วงปิดเทอมอันน้อยนิดน้อยจริงๆ เพราะเรียน 3 เทอม ก็ไปสิงหอเพื่อน หอรุ่นพี่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย นี่ไม่นับพวกงานประชุม ><ทั้งหมดนี่เราเลยรู้ว่าตัวเองชอบงานวิจัยทางโปรตีนกับ geneticsแต่แอบเอียงไปทางโปรตีนมากกว่าแต่มันก็ยังกว้างมากสำหรับสิ่งที่จะเรียนต่อ ป.โท ป.เอก.เรื่องจะเรียนต่อ ป.เอก ไม่ใช่เรื่องที่เราวางแผนข้ามวันหรือเดือนแต่มันเป็นการวางแผนข้ามปี ไม่ใช่เรียนเพราะว่าความรู้ ป ตรี มันไม่พอในสังคมปัจจุบันเหมือนที่ใครๆเค้าพูดกัน.คงไม่ใช่เรื่องสนุกที่จะเอาเวลาชีวิตที่ทำงานหาเงินได้ หาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ มาเเลกกับใบปริญญาที่ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเราต้องการอะไรจากใบปริญญานี้ และมันคุ้มมั้ยกับสิ่งที่ต้องแลก ตัวเราเองหาคำตอบในใจและเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ ปี 3.สิ่งที่เตรียมนั้นก็คือเกรดเฉลี่ย เพราะ อ แนะนำไว้ว่าต้องได้เกรดสูงๆถ้าได้เกียรตินิยมยิ่งดี ตอนนั้นปั่นเกรดสุดฤทธิ์ (แต่กิจกรรมก็ไม่ทิ้ง 5555+ แบ่งเวลาเอา) จบ ปี 3 เกรดก็อยู่ในระดับที่ต้องการที่เหลือก็แค่อย่าให้ตกก็พอ.เรื่องว่าจะเรียนที่ไหน หัวข้อแบบไหน เรียนกับใครก็เป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวไม่น้อย ก็อาศัยปรึกษา อ ที่รู้จัก เรียกว่ารู้จักใครก็ปรึกษาเค้าไปทั่ว เพราะว่า protein กับ genetics กว้างมาก.เราไม่รู้ว่าจริงๆตัวเองสนใจอะไรในนี้ ก็เริ่มตามอ่านงานวิจัย อ ที่สนใจ ตอนนั้นปี 6 รู้ว่าใช้เวลามากกว่าอ่านสอบใบประกอบเภสัชมีบางทีก็ขอไปดูแลปด้วย แฮร่ๆ เพราะอยากรู้ว่าตอนนั้น ที่แลปนั้นทำงานประมาณไหน อ่านงานวิจัยคนเดียวก็งงเอง เลยติดต่อ อ ไปดีกว่าขอบคุณ อ ทุกๆท่านที่ให้โอกาสหนูตามหาตัวเอง ><สุดท้ายแล้วการตัดสินใจก็ต้อปรึกษา อ ที่คิดว่ารู้จักเราดีแล้วเราก็คุยปรึกษาแบบตรงๆได้ ก็กลับไปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์.อาจารย์ถามหลายๆคำถามราวกับคำถามสอบเข้าการไปหา อ วันนั้นทำให้เราได้คำตอบทุกอย่าง.มีคำถามนึงที่เราจำได้แม่นอ ถามว่า "ทำไมถึงอยากเรียน ป เอก"เราตอบ อ ไปว่าเราไม่ได้อยากเรียน ป เอกแต่เราอยากได้ บลาๆๆแล้ว อ ก็บอกว่าเราควรเรียนจนจบ ป เอกเพื่อให้ได้สิ่งนั้น (ถ้าตอนสอบเข้าตอบว่าไม่ได้อยากเรียน ป เอก จะสอบได้มั้ยเนี่ย ><).แต่ก็สอบเข้ามาได้หล่ะ แฮร่ๆเหมือนผ่านอุปสรรคมากเยอะแยะมากมายทั้งความกลัวของตัวเอง(กลัวว่าจะไม่มีตังค์เรียน ><คงไม่ใช่เวลาให้พ่อแม่มาส่งให้เรียนแล้วที่จริงความทำงานส่งน้องเรียนด้วยซ้ำ)ปัญหาสุขภาพ(นอน รพ ซะแหลกลานจนแม่ไม่อยากให้เรียนต่อ แต่ก็เจอ trigger ต้นเหตุแล้วและรู้สึกสบายใจที่บอกปัญหาสุขภาพนี้ให้ อ ที่ปรึกษารู้ก่อน).คงมาไม่ได้ขนาดนี้ขอบคุณอาจารย์ทุกท่านโดยเฉพาะอาจารย์ ม.วลัยลักษณ์และ CRIขอบคุณครอบครัว เพื่อนๆ และอาจารย์หมอเจ้าของไข้.สุดท้ายนี้ก็จะเริ่มต้นใหม่ในฐานะนักศึกษาปริญญาเอกดีใจนะที่กลับมาเป็นคนตัวเล็กๆ ได้เรียนรู้อะไรเงียบๆได้พัฒนาตัวเอง เมื่อถึงวันที่มีโอกาสส่งต่อความรู้ให้คนอื่นจะได้ทำให้ดีที่สุด ตอนเรียนๆไปมันคงต้องเจอความยากบ้างก็จะพยายามนะ ถ้ามันหนักหนามากก็จะแอบพักเล็กๆ แล้วมาสู้ต่อแต่คงไม่ว่างขนาดไปทำคอนเสิร์ตเหมือน ป.ตรี 555555ดนตรี กีฬาก็ยังคงเป็นสิ่งที่เอาไว้ relax และดูแลสุขภาพต่อไป^^น้ำทิพย์บ้าบอคนเดิม เพิ่มเติมคือมีการศึกษาช่วยเชียร์ด้วยนะคะ อิอิ -
1st met Nobel Laureate (like a Hollywood Star)
Rubbing shoulders with a Nobel laureate once,
and I've been hooked ever since!It was with Prof. Ada, the Nobel laureate in Chemistry for her groundbreaking work on the structure and function of ribosomes. 🔬
I was fresh out of my Medicinal Chemistry course, and during a conference, I got to listen to her speak. That's when it all clicked! I could clearly visualize how a drug slips into a specific pocket of a protein to disable a bacterial cell. 🦠 It made the connection between what I learned in class and its real-world application crystal clear. Prof. Ada presented it with a beautiful animation, making the complex science so tangible.
I was so inspired that I went straight back to my university and bothered my professor to tell him just how mind-blowing it all was. This experience truly brought my education to life. 🤯
(P.S. I've listened to Prof. Ada speak many times since, and one thing that never changes is the age of her granddaughter—she's always a little kid! 👧 I sometimes wonder if her granddaughter and I are around the same age, haha.)
#NobelPrize #ScienceEducation #MedicinalChemistry #Ribosomes #Inspiration #AcademicLife #RealWorldLearning
-
กระทบไหล่เจ้าของรางวัลโนเบลครั้งนึง ติดใจตลอดไปปปป (Prof.Ada Yonath)
กระทบไหล่เจ้าของรางวัลโนเบลครั้งนึง
ติดใจตลอดไปปปปProf. Ada เจ้าของรางวัลโนเบลเคมี ปี 2009จากการศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของไรโบโซมตอนนั้นเรียน Medicinal Chemistry เพิ่งจบไป(นักศึกษาเภสัชต้องเรียนโครงการยาด้วยยยย)ปิดเทอมปุ๊บลั้ลลาแลปนู้นนี่ เข้าประชุทวิชาการปั๊บเจอเลยจ้าาาาไปนั่งฟัง Prof. คือแบบชัดเลยว่ายามันมุดเข้าซอกไหนของโปรตีนไปทำให้เซลล์แบคทีเดียเดี้ยงได้ยังไงคือมันจะมียากลุ่มที่ฆ่าแบคทีเรีย (ยาฆ่าเชื้อ)กลุ่มที่ไปจัดการไรโบโซมของแบคทีเรีย(ไรโบโซมคนกับแบคทีเรียไม่เหมือนกันนะ)นั่นแหละจ้าาาา ที่เรียนมาคือเห็นภาพพพพคือ Prof. พรีเซ็นเป็นคลิปสวยๆเลยด้วยความดีด กลับมหาลัยไปเดินไปก่อกวน อ ที่สอน MedChem เรื่องนั้นอีก อิอิว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจมากกกกกกps. ฟัง Prof. Ada มาหลายรอบ สิ่งนึงที่ไม่เปลี่ยนคืออายุหลานสาว Prof ที่นังเด็กเสมอ บางทีก็แอบคิดว่าหลาน Prof อาจจะๆไล่เลี่ยกับเรา

#NobelPrize #ScienceEducation #MedicinalChemistry #Ribosomes #Inspiration #AcademicLife #RealWorldLearning -
Productive ตอน 2
Productive ตอน 2
ว่าด้วยเรื่อง productive ตอน 2ความจริงเรื่องนี้มีให้อ่านเยอะมากกกกกซึ่งอ่านเท่าไหร่ๆ ก็ไม่เก่งกันสักที แฮะๆ.ที่เค้าเขียนหรือพูดไว้ได้เป็นแค่แนวทางเท่านั้นรีวิวฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวอันนี้ก็เพียงโพสรวบรวมแนวทางที่เจอๆมาร่วมกับแชร์ประสบการณ์ที่ตัวเองเอามาปรับใช้.เริ่มจากสิ่งที่คนอื่นเขียนแนะนำลองดูตาม list นี้ครัช- podcast super productive ของคุณรวิศ หาญอุตสาหะ บางส่วนอาจจะออกแนวธุรกิจหรือคนวัยทำงานไปหน่อย แต่ นร นศ ก็พอปรับใช้ได้ครัช
- หนังสือกินกบตัวนั้นซะ ถ้าขี้เกียจอ่านทั้งเล่ม ก็เปิดอ่านสรุปหน้าท้ายๆได้เลย แต่อาจจะพลาดฟิลลิ่งและเหตุผลหลายๆอย่างไป
- หนังสือ 7 habit ความจริงส่วนสำคัญของเล่มนี้ คุณรวิศก็พูดไว้ใน podcast แล้วหล่ะ
- ปัญญาวิชาชีวิต managing oneself ไม่ใช่หนังสือที่บอกวิธีให้ productive หรอก แต่เป็นหนังสือที่ชวนให้ถามตัวเอง และชวนให้รู้จักตัวเองเสียมากกว่า
.เเละเพราะการรู้จักตัวเองนี่หล่ะที่ทำให้รู้ว่าวันๆนึงเราทำอะไร ไปเพื่ออะไรและเพื่อที่จะได้อะไรสักอย่างมาเราต้องจัดการชีวิตยังไง.ซึ่งความ productive ที่พูดกันฮิตติดปากสุดท้ายแล้วก็เพื่อเป้าหมายในแต่ละช่วงชีวิตนั่นเอง.ถ้ารู้ว่าต้องทำอะไร เพื่อให้ได้อะไรมานั่นดีแล้วฮ่ะ.แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าทำอะไร ไปเพื่ออะไรก็ลองทบทวน ลองถามตัวเองดูสักหน่อย.มันอาจจะเป็นเรื่องที่คนวัย 30 หรือ 40 ขึ้นไปไม่ต้องคิด ต้องถามอะไรมากมายเพราะใช้เวลารู้จักกับตัวเอง และผ่านโลกผ่านประสบการณ์มาเท่าตัวเลขของอายุ.แต่สำหรับวัยแห่งการตัดสินใจวัยหัวเลี้ยวตัวต่อก็มีแต่จะพบความลังเลสงสัยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเงินมั้ยคือคำตอบเที่ยวหรือเปล่าทำงานเพื่ออะไรกันแน่.ไม่มีใครตอบได้ฮ่ะทั้งหมดนี้คงต้องถามใจตัวเองตอบตัวเอง ตัดสินใจเองทั้งที่ครึ่งหนึ่งของใจก็อาจจะลังเลอยู่ดี -
🚀 Streamlining RStudio Server with Docker Compose!
🚀 Streamlining RStudio Server with Docker Compose! 🚀
Are you painful with Rstudio “can’t install library”, “use in different computer”, “different R version”, etc.
From problem I faced, after solving I share!
Remember my previous post about running RStudio Server in Docker? I have used very long command.
I've found an even more efficient way! 🤩
Instead of wrestling with a lengthy docker run command below every times!
sudo docker run \ -v /home/namthip:/home/rstudio/namthip \ -v /home/namthip/R/host-site-library:/usr/local/lib/R/host-site-library \ -e R_LIBS_USER=/home/namthip/R/host-site-library \ -e PASSWORD=\ -p 8787:8787 \ bioconductor/bioconductor_docker:RELEASE_3_15 ✅ Step 1: Create your `docker-compose.yml file`
However, before that easy step, we have to prepare docker-compose.yml file first. Use information below, save, and named it exactly this docker-compose.yml file.version: "3.8"
services:
rstudio:
image: bioconductor/bioconductor_docker:RELEASE_3_15
ports:
- "8787:8787"
volumes:
- /home/namthip:/home/rstudio/namthip
- /home/namthip/R/host-site-library:/usr/local/lib/R/host-site-library
environment:
- R_LIBS_USER=/home/namthip/R/host-site-library
- PASSWORD=<MY_PASSWORD>✅ Step 2: Launch RStudio Server:
Navigate to the directory where you saved docker-compose.yml.
Type this to start the container.sudo docker compose up -dNow, access RStudio Server by opening your browser and going to `localhost:8787`.
✅ Step 3: Shutting Down:
After finish using it, go to the directory you store
docker-compose.ymlagain.
Then stop docker container by typing.sudo docker compose down
📛 Don't forget to do this before shutting down your computer!
Docker Compose makes managing multi-container Docker applications a breeze, and it's perfect for simplifying your RStudio Server setup. 💻✨
▶️ Full info via my website: https://lnkd.in/gmTCD4Vp
hashtagDocker hashtagRStudio hashtagDataScience hashtagDockerCompose hashtagR hashtag



