- formatting
- images
- links
- math
- code
- blockquotes
- external-services
•
•
•
•
•
•
-
Operating System using Linux - [Proj:My Computer Workbench]
-
What are GO, MSigDB, KEGG, ORA, and GSEA?
What are those terms in transcriptomics analysis?
-
Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 4
Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 4
เท้าความตอนที่แล้วๆมา
หลังจากที่ค้นหาตัวเองจนเจอว่า
อยากมุ่งไปรู้จักมะเร็งมากขึ้นในทางของวิทยาศาสตร์
พิสูจน์ให้เห็นกันได้
ได้ไปดูงานสั้นๆ ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ (CRI)
พร้อมกับแบกกระดาษอีกหนึ่งปึกกลับบ้าน
.
กลับมามหาลัยครั้งนี้
รอบปิดเทอมเปลี่ยนแปลงไป เลยมีช่วงว่าง
ว่างที่เพื่อนคนอื่นเค้าไปเที่ยว ตปท บ้าง
ทำงานพิเศษบ้าง
ส่วนช้านนนน แคะกระปุก
เอาตังค์ไปฝึกงานที่แลปอีกแล้วจ้า
.
กลับมาที่กระดาษปึกโตจาก CRI
ปึกนั้นมีรายชื่อนักวิจัยชั้นเซียนที่อาจารย์รู้จัก
ให้ดูว่าเราสนใจไปฝึกแลปไหนต่อ
ทั้งพันธุศาสตร์มะเร็ง พัฒนาระบบนำส่งยามะเร็ง
สารพัดเลยหล่ะ
.
คิดหนักว่าจะไปที่ไหน น่าสนใจทุกที่เลย
เครียดละทีนี้ ตัดสินใจไม่ได้
จนมาสะดุดตากับภาพอาจารย์คนนึง
ฮึ๋ยยยย คุ้นๆ
เราเคยอ่านข่าวงานของ อ เค้าตั้งแต่เรียนม.ปลาย
อาจารย์หมอท่านนี้ทำวิจัยมะเร็งโพรงหลังจมูก
เป็น idol เราเลย หมอที่ทำวิจัยด้วยนี่ สุดยอด
กลับไปคุ้ยลังที่บ้านก็เจอจริงๆ
โอโห้ปริ้นไว้นานโข แม็คเย็บกระดาษขึ้นสนิมหล่ะ
.
เอาหว่ะ ติดต่ออาจารย์คนนี้ไปเลย
อ อภิวัฒน์ ที่คณะแพทย์ จุฬา
(อ เป็นเจ้าของงานวิจัยมณีแดง)
.
มี อ หนิง อ ฉ่อย ช่วยดู
ทั้งเรื่องเอกสารและเรื่องเตรียมตัวก่อนไป
ปริ้นงานวิจัยของ อ อภิวัฒน์มาอ่าน
อ่านไปก็มึนไป
.
ถึงเวลาฝึกงาน ก็ไปกันเลยจ้า
หอบผ้าหอบสมบัติขึ้นรถไฟไปบางกอก
ด้วยความเบี้ยน้อย หอยน้อยและบังเอิญญญญ
พี่เมทตอนเรียนปี 1 (พี่นิท)เป็นพยาบาลที่ รพ จุฬา
ก็เลยได้ไปสิงหอพี่แก ตลอดเวลาฝึก 1 เดือน
ได้ค้นพบแหล่งของกินถูกๆ แถวนั้นด้วย
.
แต่ความยากคือ มันคือหอพักพยาบาล ใน รพ จุฬาฯ
และอิฉันต้องปลอมตัวเข้า-ออกหอ
น้ำทิพย์ผู้แบกชุดใส่เป๋ามาเปลี่ยนใน รพ ทุกวัน
จนมีพี่ post doc (พี่คิว)มาเจอ 5555
หนูปลอมตัวอยู่ค่ะพี่ อายจ๊าดดดด
.
การฝึกงาน 1 เดือน เป็นไปแบบ…
ฝึกไป จะร้องกลับบ้านไป แงงงงง
ไม่เคยห่างบ้านนานขนาดนี้
เนื้อหาก็ยาก แงงงงง
.
ภาวะเหนือพันธุกรรม (epigenetics)
ไม่ได้เป็นเรื่องที่เคยเรียนมาก่อน
มาปุ๊บเจองานวิจัยระดับโมเลกุล
เงิบ ไปเกือบไม่เป็นเลย
ไปอ่าน ไปขุด ไปหาเอาแถวนั้น
.
รอดมาได้นี่เพราะพี่ๆในแลปใจดีเลยหล่ะ
อ่านไรงงๆมึนๆไป ก็ไปคุยกับพี่ๆ
พี่เค้าก็ช่วยอธิบายจนเข้าใจ
.
ตอนนั้นพี่แพร ซึ่งกำลังเรียน ป โท เป็นพี่เลี้ยงให้
มี อ นครินทร์ อ พี่ยุ้ยให้พวกเราก่อกวนด้วย
พี่ณัฐเป็นพี่หมีประจำแลป
พี่ณัฐมักจะโผล่มาจากตรงไหนสักตรงของแลป
แล้วก็มาอธิบายไรแบบเป๊ะๆ
เป๊ะยันว่าทำไม แอลกอฮอล์ต้อง 70% เอาดี๊
พีอ๊อป ชาวใต้บ้านอยู่คอน แหลงกันรู้เรื่องเป็นพิเศษ
อธิบายเรื่อง flow cytometry ยังจำได้จนถึงตอนนี้
ชาวแก๊งค์มุมห้องอย่างพี่แบงค์ พี่เหมย
.
ใดๆคือนอกจากสอนเรื่องวิจัยแล้ว
พวกพี่คือหลอกผีเก่งมากกกกก
ชั้นล่างจากแลปก็คือห้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่
แล้วฉันออกไม่เคยออกจากแลปเป็นคนสุดท้ายเลยจ่ะ
.
ท็อปฟอร์มการหลอกผีคือพี่ณัฐ
แล้วตอนนี้คือพี่ณัฐไปสวรรค์แล้วด้วย
ถ้ากลับไปลั้ลลาที่แลปรอบหน้า
จะโดนหลอกแหลกลานกว่าเก่ามั้ยนะ แหะๆ
.
จุฬาทำให้ได้เข้าฟังพี่ๆสอบ defense บ้าง
กรรมการสอบถามโหดมาก
แต่พี่เค้าก็ตอบได้หมดแบบชิลๆ
เป็นต้นแบบชั้นเลิศเลย
จนตอนนี้เวลาสอบอะไรเกี่ยวกับงานวิจัย
ก็จะนึกถึงตอนพวกพี่ๆเค้าสอบ อยากเซียนๆแบบนั้น
.
ระหว่างฝึกแลปที่จุฬาก็มี อ จากมหาลัย
แวะเวียนมาดูใจ เอ้ยยย ให้กำลังใจ
อ โอ๋ พาไปกินขนม
อ หนิง พาไปนอนด้วยคืนนึง 555
อ มาก็คือมาเพราะอยากมาจริงๆ
ที่จริง อ ไม่ต้องมานิเทศด้วยซ้ำ
เพราะไม่ใช่ฝึกงานของหลักสูตรเลย
.
การฝึกงานตอนนั้นจบลง
แบบที่คิดว่าพันธุศาสตร์จ๋าๆ นี่มันยากแท้
ยิ่งเหนือพันธุศาสตร์แบบจ๋าๆนี่ยิ่งซับซ้อนไปอีก
.
หรือว่าเราควรห่างกันสักพักนะ
กับงานวิจัยซับซ้อนขนาดนั้น
ดูๆไปก่อนก็ได้ ยังไม่ขึ้นปี 4 เลย
ยังเหลือเวลาให้ตามหางานวิจัยมะเร็งที่ชอบอยู่
.ตอนอื่นๆ ของการบุกดงวิจัยที่เคยเขียนไว้- ตอนที่ 0: สะเปะสะปะกว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 1: ค่ายไม่เล็กที่มีแต่ผู้ใหญ่ใจดีปูทางเด็กบ้านนอกสู่เส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 2: ตรึงใจเด็ก ม.ปลาย เปิดโลกวิจัยที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
- ตอนที่ 3: ตะลุยดงวิจัย ทำไมวิจัยมีมะเร็งมีหลายแบบจัง
- ตอนที่ 4: รู้จักมะเร็งแบบเหนือชั้น เหนือพันธุกรรมคืออะไร
- ตอนที่ 5: เมื่อฉันรักวิทยาศาสตร์ อย่างที่ไม่สนมะรงมะเร็งอะไรทั้งนั้น.
ผ่านไป 10 ปี ไม่รู้เรื่องราววนมาอีท่าไหน
ตอนนี้กำลังลองเอา data sequencing ของพวก epigenetics มาลองเล่นดู
.
ผ่านมา 10 ปี คน 2 คนในโพสต์นี้
ไปเป็นนางฟ้า เทวดาบนสวรรค์กันซะแล้ว
ด้วยความระลึกถึง อ หนิง และ พี่ณัฐ นะคะ ^^ -
Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 3
Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 3
.เท้าความตอนที่แล้ว หลังจากที่จุดเปลี่ยนคือการขอเลื่อนสอบเพื่อไปค่าย Thai Sci Campได้ไปดูแลปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ (CRI) 2 ชม.ทั้งหมดเกิดขึ้นช่วงประมาณ ม.5 แล้วอ.ที่ CRI ก็บอกว่าไว้เรียนปี 3 ค่อยกลับมา CRI ใหม่.ตอนนั้นรู้สึกว่างานวิจัยน่าจะมีอะไรดีดีที่ทำให้คนไข้รอดจากมะเร็งได้มากขึ้นหลังจากหาข้อมูลเรื่องมะเร็งมาหลายๆด้านก็พบว่าวิทยาศาสตร์และงานวิจัยน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดช่วงหลังจากนั้นก็มีพยายามจะเข้าโครงการนู้นนี่ที่เป็นแนวๆวิทยาศาสตร์ที่น่าจะทำใหรู้จักงานวิจัยมากขึ้นว่ามันคืออะไร.คิดโครงงานขึ้นมาชิ้นนึง คัดเลือกผ่านรอบแรกของโครงการนึงไปแบบงงๆเดินทางไปสัมภาษณ์แบบโคตรงงและทุลักทุเลในขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ มีโน้ตบุคพร้อมงานนำเสนอสุดอลังการที่ชนะเลิศโครงการอื่นมาแล้วและก็ต้องยอมรับว่าหลายๆอย่างไม่ได้เอื้ออำนวยนักคุณไม่ได้ไปต่อ แต่นี่ก็อาจจะถือว่ามาไกลมากแล้วจนถึงตอนนี้ที่เรียน ป เอก อยู่ก็รู้สึกว่าที่ผ่านมาเจอกลีบกุหลาบบ้างไมยราบบ้าง(ซึ่งดูเหมือนจะมากกว่า 555).อย่างไรก็ยังไม่เลิกบ้ายังคงแถกตัวไปตามความฝันต่อไป แม้จะพังๆไปบ้างก็ตามตอน ม.6 อยากเรียนหมอ อยากเป็นหมอที่ทำวิจัยมะเร็งมีอาจารย์หมอนักวิจัยคนนึงเป็น idol(สุดท้ายได้ไปฝึกงานกับ อ ท่านนี้ด้วย).ตอนสอบเข้ามหาลัยก็สอบหมอนั่นแหละ แต่ไม่ติด 5555ก็เลยเรียนเภสัช ไม่อยากเป็นเภสัชเลยคิดว่าคงไม่ชอบถ้าต้องนั่งจ่ายยาที่ รพ ทั้งวันไม่รู้ว่าเภสัชทำอย่างอื่นได้ด้วยแต่พอรู้ว่าเภสัชมีวิจัยยาก็เริ่มสนใจขึ้นมา.ก็เรียนเภสัชที่ ม.วลัยลักษณ์เข้าไปเรียนปีแรก ก็เอาเลยจ้า ไปบอกอาจารย์เลยว่าอยากไปฝึกงาน CRIในใจคือทุกอย่างพร้อมแค่ให้เรียนปี 3 กับมีเอกสารจากมหาลัย.ระหว่างนั้นก็บุกมาก ด้วยความที่เป็นนักเรียนโครงการโอลิมปิกวิชาการทั้งเคมีและชีวะของ ม.วลัยลักษณ์ อยู่ก่อนแล้วก็ติดต่ออาจารย์ที่รู้จัก อาจารย์ก็แนะนำต่อๆกันมีหลายท่านมากที่กรุณามาตั้งแต่มัธยม.- อ.สุภาภรณ์ ดอกไม้ศรีจันทร์ ที่ได้แวะไปก่อกวน อ ที่ห้องทำงานบ่อยครั้งเลย เรียกว่าเปิดโลก bioinformatics มาก- อ.จิตรบรรจง ตั้งปอง แรกๆมักจะแนะนำตัวกับ อ ว่าเด็กมัธยมที่เคยโทรไปปรึกษา อ เรื่องงานวิจัยมะเร็ง ตอนมัธยมมีครั้งนึงไปหา อ ที่ห้องพัก ก็พบว่าห้องใหญ่จังถึงได้รู้จากป้ายหน้าห้องว่า อ เป็นคณบดี >< วันนั้นเป็นการพูดถึงงานวิจัยมะเร็งอีกครั้งนึงที่จำไม่เคยลืม แล้ว อ ก็ได้แนะนำให้รู้จัก อ.วรางคณา จุ้งลก ได้ไปดูแลปเลี้ยงเซลล์ของ อ เค้าด้วย แถมยังได้รู้จักกับพี่โบว์ พี่ ป.เอก ที่ฮามากคือเราเคยเจอกันที่สนามบาสมาก่อน คราวนี้เลยสนิทเลยหล่ะ- อ.วรพงศ์ ภู่พงศ์ อาจารย์ทำงานเกี่ยวกับสารสกัดธรรมชาติ ได้ไปสิงแลปอยู่พักนึง ไปครั้งแรก อ บอกว่าให้ไปหาพี่รอน เราก็แบบ หูวววว พี่ชื่อรอน แบบรอน วีสลี่ งี้แน่เลย ท่องบทสนทนาภาษาอังกฤษไปเลยจ้า ปรากฏพี่อิมรอนเป็นคนไทย โป๊ะหนึ่งฉึก แลปนี้ครื้นเครงไม่เว้นวันหยุด วันปีใหม่ ยิ่งดึกยิ่งคึก 5555 มีเพลงภาษาอาหรับคลอๆไปด้วย มีทั้งพี่ๆ ป โท ป เอก คือพี่รอน พี่หญิงและอาจารย์ให้ก่อกวนตลอดเวลา ตอนนั้นตึกนวัตกรรมเปิดใหม่ๆเลย เข้าแลปนี่ต้องสแกนนิ้วมือด้วยอย่างหรูอ่ะ เป็นช่วงนี้ดีดมาก ช่วงนั้นเรียนปี 3 วิชาเรียนแลปของเภสัชก็เยอะอยู่แล้ว บางวันทำแลปสกัดสารเสร็จต้องเขียนรายงานของแลปที่เป็นวิชาเรียนต่อจนเกือบเช้า พอเช้าก็ไปทำแลปอีกวิชานึง จนคุยกับคู่หูทำแลปว่าเราควรจะนอนกันบ้างหล่ะ.เวลาเรียนล่วงเลยมาถึง ปี 3ก็ได้กลับไปดูงานที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ตามที่ตั้งใจไว้ตอนนั้นอาจารย์ที่ปรึกษา อ.ปาจรีย์ช่วยเรื่องเอกสารทุกอย่างเลย รักจารย์มากมายอ. บุษบรรณ สอน sterile เทคนิคเปิดห้องแลปเทคโนเพื่อจะเช็ดตู้ laminar air flowคือเราตื่นเต้นกระทั่งเช็ดตู้ตัดภาพมาตอนนี้ ขี้เกียจเช็ดตู้สุดๆ.อ เกรียงศักดิ์ ที่ CRI ให้ไปดูงาน 5 วันตอนแรกก็รู้สึกว่าแป๊ปเดียวจังเลย T^Tตั้งตาคอยมาตั้งหลายปี แงงงก็แคะกระปุกเอาตังค์เก็บเป็นทุนไปดูงานก็ขอพักกับหอเพื่อน และซื้อข้าวโรงอาหารม เกษตร ข้าวราคาถูกมากกกกอ ทัศนี เตือนไว้ว่าระวังข้าวที่ CRI ไว้เพราะไม่อิ่มแน่ๆ แล้วคือจริงงงได้เจอพี่อัง แลปชั้นใกล้ๆ เพราะ อ ทัศนีฝากฝังไว้แล้วก็เป็นครั้งแรกที่รู้จักขนมอร่อยๆแถวนั้น.นับเป็นช่วงชีวิตที่ adventure มากกับรถเมล์ กทม.แต่ที่เด็ดกว่าคือรถไฟหน้า CRI แบบโอ้วโหววววไฟขาวๆ มาแต่ไกล วิ่งแทบไม่ทัน.กลับมาเรื่องงานวิจัยมะเร็ง 555เป็น 5 วันที่คุ้มค่ามาก ได้ดูตั้งแต่เลี้ยงเซลล์ ไปจนถึงการตรวจหาโปรตีนเดินตามอาจารย์และพี่ๆคนอื่นแทบทั้งวันทั้งวันได้คิด ได้ถาม แต่โดยมากถามไปก็จะโดนอาจารย์ถามกลับ 555แต่ละวันผ่านไปแบบให้สมองไปเยอะมากปวดหัวและปวดขามากไปพร้อมๆกันหลังจากดูงานครบเวลาอาจารย์ยังเชียร์ให้ไปดูงานที่อื่นอีกอ ปริ้นข้อมูลแลปนู้นแลปนี้มาให้เป็นปึกๆเลย.หลังจากใช้เวลาค้นหาตัวเองอยู่พักใหญ่ก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจเราลิงโลดอาจจะเป็นมะเร็งในมุมของงานวิจัยก็ได้ที่เป็นคำตอบ.แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับมาเรียน ป ตรี ต่อให้จบด้วยทั้งยังเป็นช่วงที่คณะมีโครงการ Mini projectที่ทำให้ต้องคิดหนักว่าตกลงเราชอบอะไรกันแน่.ในช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะเรียนจบเภสัชแล้วจะทำอย่างไรต่อกับอนาคตก็เป็นช่วงที่อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นคนที่มีผลต่อการตัดสินใจมากที่สุดในช่วงเวลาที่เป็นอีกหัวเลี้ยวหัวต่อนึงของชีวิตไว้ค่อยเล่าตอนต่อไปหล่ะกัน ตอนนี้ยาวมากๆแล้ว.ตอนอื่นๆ ของการบุกดงวิจัยที่เคยเขียนไว้- ตอนที่ 0: สะเปะสะปะกว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 1: ค่ายไม่เล็กที่มีแต่ผู้ใหญ่ใจดีปูทางเด็กบ้านนอกสู่เส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 2: ตรึงใจเด็ก ม.ปลาย เปิดโลกวิจัยที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
- ตอนที่ 3: ตะลุยดงวิจัย ทำไมวิจัยมีมะเร็งมีหลายแบบจัง
- ตอนที่ 4: รู้จักมะเร็งแบบเหนือชั้น เหนือพันธุกรรมคืออะไร
- ตอนที่ 5: เมื่อฉันรักวิทยาศาสตร์ อย่างที่ไม่สนมะรงมะเร็งอะไรทั้งนั้นปล. ภาพนี้ ดูน่าเชื่อถือมากอ่ะ ไม่เหมือนตัวจริง 55555 -
Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 2
Namthip × งานวิจัยมะเร็ง ตอนที่ 2
เท้าความตอนที่แล้ว
สุดท้ายก็กล้าเดินเข่าเข้าไปขอ e-mail อาจารย์
.
หลังจากนั้นก็ดีดอย่างหนัก 555
จากวิทยาศาสตร์ที่เรียนไปวันๆ
กลายเป็นน่าสนุกขึ้นมาทันตา
เคมีเกรด 2 ที่เคยได้มาก็กลายเป็นเกรด 4
จนติดโอลิมปิกวิชาการเคมี
การอ่านหนังสือตั้งแต่นั้นก็ไม่ใช่แค่เอาไปตอบข้อสอบอีกต่อไป
แต่คือการอ่านให้เข้าใจและพยายามคิดต่อ
โผล่ไปห้องพักครูเคมีบ่อยมาก
พร้อมกับแบกหนังสืิอไปด้วย
คุณครูคนนั้นคือ อ.สุคนธ์ มณีฉาย
หนังสือที่ชอบตอนนั้นคือหนังสือ
ของ อ.กฤษณา ชุติมา ซึ่งเป็นหนังสือที่ดูจะอธิบายละเอียดและลึกซึ้งกว่าระดับมัธยมมาก
นับแต่นั้นมามาตราฐานของการสอบจึงไม่ใช่คะแนนแต่เป็นความเข้าใจ ถึงจะได้คะแนนดีแต่ไม่เข้าใจก็ตามไปถามครูถึงห้อง ><
บางครั้งหนังสือ 2 เล่มก็เขียนไม่เหมือนกัน
และครูก็บอกว่าทำไม แบบนี้หล่ะที่น่าสนุก
.
E-mail ส่งไปถึง อ.ชิษณุสรร
อ ตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษในทุกครั้ง
และทุกครั้งเช่นกันที่ต้องเปิดดิกชันนารีแปลทุกคำ
.
มีครั้งนึงอยู่ในค่ายโอลิมปิกวิชาการ
ยืมคอมเพื่อนเปิด เจอศัพท์ที่ไม่รู้
(มันคือคำว่า appointment)
ก็เดินไปถามเพื่อนคนนู้นคนนี้ว่านี่แปลว่าอะไร
"อาจารย์บอกว่าถ้ามาที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ก็นัดอาจารย์ได้"
.
หลังจากที่ติดต่อ อ ผ่าน e-mail สัักพัก
ด้วยภาระงานของ อ ที่มาก
อ ชิษณุสรร เลยให้ อ นักวิจัยท่านอื่นดูแลต่อ
ซึ่งก็คือ อ.ดร.เกรียงศักดิ์ เลิศประภามงคล
.
อ เกรียงศักดิ์น่ารักมาก อ e-mail กลับมาเพราะเราเงียบหายไป พร้อมส่งบทความเกี่ยวกับมะเร็งเป็นภาษาไทยมาให้อ่าน
.
จากนั้นเลยได้ติดต่อกับ อ เกรียงศักดิ์้เรื่อยมา
จนช่วงปิดเทอม ม.5 ขึ้น ม.6
ได้ไปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ (CRI) ครั้งแรก
เพราะต้องเดินทางผ่าน กทม ไปธุระจังหวัดอื่น
และไปคนเดียว โดยมีเพื่อนเเม่มารับ
คือเลิ่กลั่กตั้งแต่นั่งรถทัวร์คนเดียวครั้งแรก
.
ได้อยู่ที่ CRI แค่ 2 ชม.
แต่ถึงตอนนี้ก็ยังจำอะไรๆได้มากมาย
เหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปไม่นาน
.
อ บอกว่าให้ไปที่ตึกโดมสูงๆ
(ตอนนั้นตึกนั้นคือสูงที่สุดหล่ะ)
เข้าไปต้องแลกบัตรและมีการตรวจความปลอดภัยแน่นหนามาก
อ ต้องลงมารับที่ชั้นล่างด้วย ไม่งั้นเข้าตึกไม่ได้
.
ตึกโดมที่สูงนั้นเป็นทรงกระบอก
ตรงกลางเป็นช่องว่างที่เห็นทุกชั้น มีลิฟต์แก้วใสๆ
หูยยยย เพิ่งเคยเห็นลิฟต์ใสๆ ตึกสูงๆ ขนาดนี้
ด้านล่างเป็นลานหินอ่อนและโต๊ะสีขาวราวกับสวนยุโรป
บนสุดของตึกนี้เป็นกระจกแปลกตากว่าชั้นอื่นๆ
.
ตอนขึ้นลิฟต์ก็พยายามกระดึ๊บๆตัวไปดูแถวกระจก สูงจังและรู้สึกบรึ๋ยๆ บอกไม่ถูก
อ บอกว่าชั้นบนสุดนั้นเป็นที่ทำงาน
ของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์
รู้สึกเหมือน my idol อยู่ไม่ไกล ><
.
ขึ้นไปถึงห้องแลปมีข้าวของมากมาย
แบบที่ไม่เคยเห็นในห้องเรียนวิชาเคมี
มีคนในเสื้อกาวน์ยาวมากมายที่กำลังทำงานกับหลอดอะไรสักอย่างหรือไม่ก็เครื่องมือแปลกๆ
รอบๆห้องติดด้วยโปสเตอร์ที่มีกราฟบ้าง ภาพบ้าง พร้อมภาษาอังกฤษเต็มไปหมด
.
อ พาไปดูเครื่องนึงตอนนั้นตื่นเต้นมาก
เปิดมาโอโห้ควันขาวๆฟุ้งเลย
มันคือตู้เย็นอันใหญ่ แช่ที่ -80 องศา
คือเด็กบ้านนอกอ่ะนะ หิมะก็ไม่เคยเห็น
ตู้เย็นที่บ้านก็แช่ขันใส่น้ำมีดอกมะลิลอยตุ๊บป่องอยู่บ้างในบางที
จำได้ว่าเผลอพูดว่า "หูวววว" ออกไปด้วย เขินจัง
.
แล้ว อ ก็พาไปแนะนำให้รู้จักพี่คนนึง
จำได้แค่ว่าเค้าเป็นนักศึกษาเภสัช
และกำลังยุ่งอยู่กระบอกตวงขนาดใหญ่น่าจะ 1-2 L
ซึ่งก็ตื่นเต้นอีกเช่นกันเพราะที่ รร มีแค่ 10 ml จิ๋วไปเลย
.
อ พาไปดูโปสเตอร์บางอัน จำได้ว่าเกี่ยวกับวนิลา
ที่มีฤทธิ์ทางมะเร็ง แล้วก็ได้กระดาษงานวิจัยมาด้วยเหมือนจะเป็นฉบับจริงเลยนะ ทุกวันนี้ก็ยังเก็บไว้คู่กับสมุดจดเล่มเดียวกันกับวันที่ไปดูแลปวันนั้น
เมื่อไม่นานนี้เพิ่งเอาออกมาอ่าน เข้าใจขึ้นตั้งเยอะ
10 ปี ผ่านไปพัฒนาขึ้นบ้างเหมือนกันนะเนี่ย ^^
.
ก่อนกลับอยู่ๆก็มีนักวิจัยคนนึงเดินเข้ามาปรึกษา อ
ยืนอยู่ตรงนั้นจะให้ไม่ได้ยินก็ทำไม่ได้
ไม่ใช่สิ่งที่สุภาพเท่าไหร่ที่ไปยืนฟังผู้ใหญ่คุยกัน
เเต่สิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องที่ประทับใจ
และเป็น inspiration เลยหล่ะ
เหมือนนักวิจัยคนนั้นจะติดปัญหา
มาเพื่อปรึกษาหาทางแก้ เค้ากับ อ discuss อยู่พักนึง
แล้วเหมือนจะได้ทางออกที่ดี
อ ก็แนะนำให้รู้จักว่าพี่คนนั้นเป็นหมอ
แต่ทำงานวิจัยด้วย
.
โหหหห อย่างเท่ห์รักษาคนก็ได้
งานวิจัยหายารักษามะเร็งก็ทำได้
.
อยากเก่งๆแบบนี้บ้าง (ไฟนี่ลุกโชนน)
.
เหตุการณ์วันนั้นจบลง
เวลา 2 ชม.หมดไปไวมาก เป็น 2 ชม.ที่จำไม่ลืม
วันนั้นใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์
(มันคือชุดธรรมดาที่ดีที่สุดที่มีหล่ะ ><)
เสื้อนี่เขียน "แพทย์-สาด" หราซะจนพี่หมอนักวิจัยคนนั้นทักว่าซื้อจากไหน
.
อ แนะนำให้อ่านงานวิจัยมะเร็งใน ncbi หรือ google scholar (ตอนนั้นไม่รู้ว่าทั้งสองอย่างคืออะไร ตอนนี้รู้ดีเลย 5555)
และบอกว่าไว้เรียน ป ตรี ปี 3 เเล้วค่อยกลับไปใหม่
จะได้มีพื้นฐานความรู้พอที่จะเข้าใจงานวิจัยมากขึ้น
.
แทบจะนับวันรอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
.
ส่วนจะได้กลับไปที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์อีกหรือไม่ มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเรียน ป ตรี
ไว้ติดตามต่อไปนะคะ กิกิ
.ตอนอื่นๆ ของการบุกดงวิจัยที่เคยเขียนไว้- ตอนที่ 0: สะเปะสะปะกว่าจะมาถึงเส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 1: ค่ายไม่เล็กที่มีแต่ผู้ใหญ่ใจดีปูทางเด็กบ้านนอกสู่เส้นทางวิจัย
- ตอนที่ 2: ตรึงใจเด็ก ม.ปลาย เปิดโลกวิจัยที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
- ตอนที่ 3: ตะลุยดงวิจัย ทำไมวิจัยมีมะเร็งมีหลายแบบจัง
- ตอนที่ 4: รู้จักมะเร็งแบบเหนือชั้น เหนือพันธุกรรมคืออะไร
- ตอนที่ 5: เมื่อฉันรักวิทยาศาสตร์ อย่างที่ไม่สนมะรงมะเร็งอะไรทั้งนั้น